Monday, 21 March 2016

เรามาถึงจุดนี้ได้ยังไง? จุดที่ "การกินข้าวยำ" และ "การวาดภาพ" เป็นภัยต่อความมั่นคง?

ผู้ช่วยศาสตราจารย์ เจะอับดุลเลาะ เจ๊ะสอเหาะ อาจารย์ประจำคณะศิลปกรรมศาสตร์ ม.อ.ปัตตานี ได้โพสต์ในเฟสบุ๊คส่วนตัว ถึงกรณีที่มีทหารพรานชุดดำมายืนสังเกตุการณ์ที่บ้านของตนซึ่งตั้งอยู่ในตำบลดอนรัก อำเภอหนองจิก จังหวัดปัตตานี เมื่อเช้านี้ (21-3-2559)

(ทหารล้อมบ้านอาจารย์สอนศิลปะ ม.อ. เพียงเพราะไปวาดภาพที่ปอเนาะญิฮาด!)
“ยินดีครับแม้นว่าเข้ามาโดยไม่ได้บอกได้กล่าวเจ้าของบ้านสักคำ แต่ผมก็ตกใจค่อนข้างที่จะกังวลนิดหน่อย อย่างน้อยก็ควรจะขออนุญาตสักหน่อย แต่ก็ไม่เป็นไรถือว่าเขาทำหน้าที่ ใครมาผมก็ยินดี เพราะเรามีความบริสุทธิ์ใจและเคารพในความเป็นมนุษย์ด้วยกันกับทุกมวลมนุษยชาติทุกคนไม่ว่าเขาจะนับถือศาสนาอะไร เชื้อชาติอะไร หน้าที่การงานอะไร จะสูงส่งหรือจะต่ำต้อย หากเขามาด้วยเจตนาดีผมก็ยินดีแต่หากมาเพราะเจตนาไม่ดีก็มาตรวจเช็คข้อมูลก็ขอให้เลิกมาซ่ะ 
เพราะผมไม่ได้มีพิษภัยอะไรต่อมวลมนุษยชาติ ผมก็แค่คนทำงานศิลปะคนหนึ่งที่อยากสร้างสรรค์โลกให้เกิดความดี ความงามและก็ความจริง ผมไม่นิยมความรุนแรง ปฏิเสธสงครามทั้งหมดทั้งสิ้นในโลกใบนี้ โลกเรามันบอบช้ำกับสงครามมามากพอแล้ว ทารกบางคนยังไม่ทันคลอดเกิดมาก็ต้องตายไปกับสงครามและทารกบางคนเกิดมายังไม่ทันลืมตาดูโลกสวยที่พระผู้เป็นเจ้าทรงสร้างเขากลับต้องตายไปกับสงคราม 
ฉะนั้นเลิกทำสงครามเถิดโดยเฉพาะสงครามที่เป็นอุตสาหกรรมสงครามเลิกเถิดครับ เพราะมันไม่ได้ทำให้โลกดีขึ้นเลยมีแต่จะทำให้โลกเสื่อมลง มนุษย์ทุกคนในที่สุดก็ต้องตาย อย่าได้มาจัดสรรให้เสมือนบ้านจัดสรรเลย เราตายไปไม่มีอะไรที่เราพาไปได้นอกจากความดี ความงามและก็ความจริงที่เรากระทำบนหน้าแผ่นดินนี้แม่แต่ร่างกายเรายังพาไปไม่ได้เลยทั้งที่มันเป็นของในกายเราแท้ๆ ไม่ต้องไปนึกถึงอำนาจและสมบัติบ้าทั้งหลายในโลกใบนี้ยิ่งพาไปไม่ได้เพราะมันเป็นของนอกกายเรา สมบัติใจย่อมสำคัญกว่าสมบัติกาย 
ฉะนั้นเรามาสร้างความงามทางสุนทรียศาสตร์บนโลกใบนี้กันเถิด โลกเราจะได้น่าอยู่ อย่ามัวแต่สร้างอำนาจบ้าบอคอแตกและสมบัติบ้ากันเลย มิฉนั้นมนุษย์ก็จะเป็นคนที่ป่าเถื่อนไม่ต่างอะไรจจากสัตว์ มนุษย์มีสมองที่ฉลาดยิ่งว่าสัตว์แต่มนุษย์มีพฤติกรรมที่เลวยิ่งกว่าสัตว์ ผมก็คงไม่เรียกว่านมุษย์นั้นเป็นคนเพราะมันไม่ต่างอะไรจากสัตว์ มนุษย์เขาดูที่สติปัญญา แต่สัตว์เขาดูที่พฤติกรรม ฉะนั้นเราควรจะเลือกสิ่งไหนที่ยืนยันในความเป็นมนุษย์ระหว่างสติปัญากับพฤติกรรม มนุษย์เอ๋ยเราอย่าได้ใช้กำลังเราจงใช้สติปัญญา....
ในหลักคำสอนของศาสนาอิสลามก็ได้บอกไว้แล้วว่าการฆ่าคนหนึ่งคนก็เท่ากับฆ่าคนทั้งโลกและการช่วยคนหนึ่งคนก็เท่ากับช่วยคนทั้งโลกเช่นกัน เราจงใช้สติปัญญาเลือกว่าเราจะฆ่าคนหรือจะช่วยคนในโลกใบนี้....
แม้แต่บทพระราชนิพนธ์ ใน ร.6 ก็ได้กล่าวไว้ว่า
อันชาติใดไร้ช่างชำนาญศิลป์
เหมือนนารินไร้โฉมบรรโลมสง่า
ใครใครเห็นไม่เป็นที่จำเริญตา
เขาจะพากันเย้ยให้อับอาย
ศิลปกรรมนำใจให้สร่างโศก
ช่วยบรรเทาทุกข์ในโลกให้เหือดหาย
จำเริญตาพาใจให้สบาย
อีกร่างกายก็จะพลอยสุขสราญ
แม้ผู้ใดไม่นิยมชมสิ่งงาม
เมื่อถึงยามเศร้าอุราน่าสงสาร
เพราะขาดเครื่องระงับดับรำคาญ
โอสถใดจะสมานซึ่งดวงใจ ....
(ปล.บันทึกไว้เป็นหลักฐานเผื่อว่าจะเกิดสิ่งไม่ดีไม่ร้ายแก่ตัวผมและครอบครัวของผมตลอดจนหอศิลป์ของผมที่เป็นพื้นที่แห่งทรัพย์ทางสุนทรีย์ของมวลมนุษย์ชาติ) ขอให้ปฏิบัติหน้าที่อย่างเป็นธรรมน่ะครับคุณทหารพราน”
อนึ่งก่อนหน้านี้ ในวันที่ 19 มีนาคม 2559 ผศ.เจะอับดุลเลาะ ได้พานักศึกษาซึ่งเป็นลูกศิษย์ของตนไปจัดนิทรรศการศิลปะพร้อมวาดภาพปอเนาะ ในงานกินข้าวยำสมทบทุนช่วยเหลือครอบครัวปอเนาะญิฮาด จึงเป็นที่สนใจของประชาชนที่มาร่วมงานกินข้าวยำเป็นจำนวนมาก
ขณะที่หลายพื้นที่มีกลุ่มทหารเข้าไปคุมตัวนักเรียนปอเนาะที่เดินทางไปร่วมทานข้าวยำ
เรามาถึงจุดนี้ได้ยังไง?
จุดที่ "การกินข้าวยำ" และ "การวาดภาพ" เป็นภัยต่อความมั่นคง?

No comments:

Post a Comment