"สุมาอี้" ชื่อนี้ผู้ที่อ่านสามก๊กคงรู้จักกันดีว่าเป็นผู้สวมบท "ตาอยู่" ในการรบระหว่างสามยอดคน "เล่า-โจ-ซุน" และเป็นคนที่ชิงจังหวะยึดแผ่นดินรวมก๊กที่แตกแยกเข้าด้วยกันได้สำเร็จ แต่ผู้ที่ไม่ได้อ่านสามก๊กอาจจะสงสัยว่า สุมาอี้คือใคร มาจากไหน
โดยสังเขป สุมาอี้เป็นข้าราชการให้กับโจโฉมาก่อน แต่ด้วยบุคลิกที่เรียกว่า "จิ้งจอกเหลียวหลัง" ที่สามารถใช้สายตามองด้านหลังผ่านหัวไหล่ โดยที่คอยังตั้งตรงอยู่ได้ ลักษณะแบบนี้โจโฉมองว่าไม่ดี เพราะจะมาแว้งกัดได้ภายหลัง จึงแนะโจผี (ลูกชายของโจโฉ) ว่าให้ระวังสุมาอี้ให้ดี สุมาอี้เป็นคนฉลาด ชำนาญพิชัยสงคราม รอบคอบและหนักแน่นเด็ดขาด
อาจเรียกได้ว่ามีด้านมืดในตัวมากกว่าด้านสว่าง สุมาอี้มีความอดทนสูง รับราชการด้วยโจโฉมานานโดยที่ไม่ได้แสดงฝีมือที่แท้จริงมากมายนัก เพราะเกรงด้วยอุปนิสัยโจโฉที่จะกำจัดตนได้ทุกเวลาที่เห็นว่าตนจะเป็นภัยภายหลัง รอจนกระทั่งโจโฉตายและโจผีสืบราชสมบัติ เขาจึงเริ่มออกลายและวางแผนคิดการใหญ่ยึดอำนาจมาเป็นของตน ประจวบกับตอนนั้นโชคเข้าข้างเขา เนื่องด้วยผู้ที่สืบราชสมบัติต่อจากโจโฉ (โจผี โจยอย โจฮวน ฯลฯ) ล้วนอายุสั้น ตายตั้งแต่อายุน้อย ทำให้ผู้ที่สืบทอดเด็กลงเรื่อยๆ การคุมอำนาจราชการโดยสุมาอี้จึงทำได้ง่ายขึ้น แม้ว่าบางครั้งข้าเก่าสกุลโจผู้ภักดีและเห็นความอันตรายของสุมาอี้ ได้สกัดสุมาอี้โดยย้ายไปเป็นราชครูที่ไม่มีอำนาจทางกองทัพ แต่สุมาอี้ก็แสดงถึงความอดมนอีกครั้ง โดยการแกล้งป่วยวิกลจริตนานถึง 8 ปี เพื่อตบตา และรอจนกระทั่งขงเบ้งผู้เป็นคู่ปรับคนสำคัญตายเพราะทำงานหนักเสียก่อน จึงสบโอกาสเหมาะจึงร่วมมือกับลูกชาย (สุมาสูและสุมาเจียว) เข้ายึดอำนาจและสถาปนาราชวงศ์จิ้นได้สำเร็จ
อาจเรียกได้ว่ามีด้านมืดในตัวมากกว่าด้านสว่าง สุมาอี้มีความอดทนสูง รับราชการด้วยโจโฉมานานโดยที่ไม่ได้แสดงฝีมือที่แท้จริงมากมายนัก เพราะเกรงด้วยอุปนิสัยโจโฉที่จะกำจัดตนได้ทุกเวลาที่เห็นว่าตนจะเป็นภัยภายหลัง รอจนกระทั่งโจโฉตายและโจผีสืบราชสมบัติ เขาจึงเริ่มออกลายและวางแผนคิดการใหญ่ยึดอำนาจมาเป็นของตน ประจวบกับตอนนั้นโชคเข้าข้างเขา เนื่องด้วยผู้ที่สืบราชสมบัติต่อจากโจโฉ (โจผี โจยอย โจฮวน ฯลฯ) ล้วนอายุสั้น ตายตั้งแต่อายุน้อย ทำให้ผู้ที่สืบทอดเด็กลงเรื่อยๆ การคุมอำนาจราชการโดยสุมาอี้จึงทำได้ง่ายขึ้น แม้ว่าบางครั้งข้าเก่าสกุลโจผู้ภักดีและเห็นความอันตรายของสุมาอี้ ได้สกัดสุมาอี้โดยย้ายไปเป็นราชครูที่ไม่มีอำนาจทางกองทัพ แต่สุมาอี้ก็แสดงถึงความอดมนอีกครั้ง โดยการแกล้งป่วยวิกลจริตนานถึง 8 ปี เพื่อตบตา และรอจนกระทั่งขงเบ้งผู้เป็นคู่ปรับคนสำคัญตายเพราะทำงานหนักเสียก่อน จึงสบโอกาสเหมาะจึงร่วมมือกับลูกชาย (สุมาสูและสุมาเจียว) เข้ายึดอำนาจและสถาปนาราชวงศ์จิ้นได้สำเร็จ
ในหนังสือสามก๊กได้กล่าวว่าผู้ที่สถาปนาราชวงศ์จิ้นได่สำเร็จคือ "สุมาเอี๋ยน" ผู้เป็นลูกของสุมาสูหรือเป็นหลานของสุมาอี้ (สุมาอี้เป็นปู่) ซึ่งตอนนั้นสุมาอี้ได้ตายไปนานพอควรแล้ว แต่ความดีความชอบทั้งหมดต้องยกให้สุมาอี้ ผู้ซึ่งปูทางทั้งหมดไว้ให้ตระกูลของตนได้เป็นใหญ่ กล่าวคือวางระบบทุกอย่างเอาไว้โดยสมบูรณ์แบบ จัดการเรื่องเส้นทางในการยึดอำนาจไว้ตั้งแต่ตนยังมีชีวิตอยู่ ทำให้ง่ายสำหรับผู้สืบทอดของตน เหมือนกับคำที่เราได้ยินอยู่บ่อยๆ ว่า "คนไป ระบบต้องอยู่"
สุมาอี้สอนลูก
อย่างที่เกริ่นไว้ข้างต้น ระบบงานเป็นเรื่องสำคัญ ทุกอย่างทุกขั้นตอนต้องระบุให้ชัดเจน เป็นรูปเป็นแบบที่สามารถนำไปปฏิบัติได้จริง และสามารถประเมินผลได้ ซึ่งถ้าสิ่งเหล่านี้มีการวางรากฐานที่ดีแล้ว คนที่เข้ามาทำงานไม่ว่าจะเป็นคนที่มาใหม่จากที่อื่น หรือเป็นคนที่เพิ่งเรียนจบใหม่ ก็จะสามารถสานต่องานนั้นๆ จากคนเก่าได้ไปอย่างดี แต่ทั้งนี้ไม่ใช่ว่าระบบดีแล้วจะดีไปเสียทุกอย่าง ผู้ที่บังคับใช้ระบบนั้นก็ต้องดีด้วย ไม่ใช่ระบบดี และใช้ระบบนั้นไม่เป็น ก็จะเหมือน "ลิงได้แก้ว" ทำสิ่งใดก็ไม่สามารถลุล่วงได้ ดังนั้นระบบที่ดี จำเป็นต้องมีผู้ใช้ที่ดีด้วย จึงจะไปด้วยกันได้ ดังเช่นการที่สุมาอี้ผู้ที่นอกจากจะวางระบบไว้แล้ว ยังปลูกฝังถึงนิสัยใจคอและการนำระบบไปใช้อย่างเกิดประสิทธิภาพอีกด้วย
สุมาอี้ฝากฝังการใหญ่ให้ลูกสานต่อ
ในการทำงานของเรามนุษย์เงินเดือน เราหนีไม่พ้นที่จะต้องยุ่งเกี่ยวทั้งกับคนและกับระบบ ตั้งแต่ระบบที่จับต้องได้หรือมองเห็นได้ เช่นระบบทางการบริหารการผลิตและบัญชี (อาทิ SAP Logon, DOTNET) หรือระบบทางการดำเนินเรื่องทางกฏหมาย หรือระบบที่จับต้องไม่ได้หรือมองไม่เห็น (ระบบนามธรรม) เช่น ระบบวัฒนธรรมขององค์กร ระบบเหล่านี้ต้องมีการวางรากฐานที่มั่นคงและสามารถนำไปใช้ได้จริง รวมถึงต้องมีผู้ที่ใช้ระบบอย่างถูกต้องทั้งตามหลักวิชาการและตามหลักจรรยาบรรณ ทั้งนี้จำเป็นจะต้องมีการปลูกฝังระบบที่ดีและวิธีทางการปฏิบัติที่ดีให้กับผู้ที่เข้ามาสืบทอดหรือทำต่อด้วย เพราะคนที่ทำงานกับระบบใดๆ นั้น ย่อมไม่ได้อยู่กับมันตลอดไป ย่อมมีการโอนย้าย เลื่อนตำแหน่ง หรือลาออกกันบ้างเป็นเรื่องธรรมดาสามัญ แต่ไม่ว่าใครจะไป ใครจะมา ระบบต้องอยู่กับเราและต้องธำรงค์ไว้ในสิ่งที่ดี เพื่อให้การสานต่องานขององค์กรเป็นไปได้อย่างราบรื่น "เพราะคนไประบบจะต้องอยู่"
Source : http://samkokforsalaryman.blogspot.my/
Source : http://samkokforsalaryman.blogspot.my/
No comments:
Post a Comment