Friday, 19 February 2016

๓๖ กลยุทธ์ : กลยุทธที่ ๓ ยืมดาบข้าคน

ส่วนที่ ๑ 
กลยุทธชนะศึก 

เมื่อเมื่อยามเราเป็นฝ่ายเหนือกว่า 

ก่อนอื่นจะต้องสยบข้าศึกลงไป 
ใช้การรุกรบอย่างเป็นฝ่ายกระทำ 
ทำสงครามด้วยรูปการที่เป็นผลดีที่สุด

กลยุทธที่ ๓ ยืมดาบข้าคน


ศัตรูชัด มิตรลังเล ชักจูงมิตรสังหารศัตรู
มิใช้กำลังตน เลี่ยงความสูญเสีย

กลยุทธ์นี้มีความหมายว่า เมื่อศัตรูปรากฏแน่ชัด แต่มิตรยังลังเล สิ่งที่พึงกระทำก็คือล่อให้พันธมิตรออกไปปะทะศัตรู นี่เป็นกลวิธีอย่างหนึ่งที่ใช้ความขัดแย้ง ยืมกำลังของตนอื่นไปทำลายศัตรู เพื่อรักษากำลังของตนเองไว้ แต่การยืมเช่นนี้จะต้องให้แนบเนียน มิฉะนั้นแล้วก็ไม่อาจทำลายศัตรูได้ 

กลับอาจจะถูกศัตรูย้อนรอย กลยุทธ์นี้ได้กล่าวไว้ในหนังสือ “ บันทึกประวัติศาสตร์”  “ จดหมายเหตุราชวงศ์ฮั่น” และ “ สามก๊ก” เป็นต้น ตัวอย่างของการใช้กลยุทธ์นี้ในการต่อสู้ที่เห็นอยู่ในปัจจุบันนี้คือเรื่องการที่ชาวยิวซึ่งเป็นชนกลุ่มน้อยของโลกและในสหรัฐอเมริกาได้ยืมมือสหรัฐอเมริกาในการต่อสู้กับศัตรูของชาวยิวทั่วโลกในขณะนี้คือ ชาวมุสลิมทั่วโลก ดังมีรายละเอียดที่จะกล่าวถึงการใช้กลยุทธ์ดังต่อไปนี้


ชาวยิวเป็นกลุ่มคนที่มีอิทธิพลอย่างยิ่งต่อสังคมของชาวอเมริกันและรัฐบาลของสหรัฐอเมริกา ทั้งนี้เพราะเป็นกลุ่มที่ส่วนใหญ่แล้วมีอิทธิพลในการครอบครองธุรกิจสื่อสารโทรคมนาคมที่มีเครือข่ายทั่วโลกและโครงการอุตสาหกรรมการผลิตอาวุธเทคโนโลยีสูงทั้งหลาย เป้าหมายทางศาสนาก็ยังเป็นเป้าหมายในการดำเนินงานของกลุ่มนักธุรกิจชาวยิวในอันที่จะรวบรวมชาวยิวทั่วโลกให้เป็นอันหนึ่งอันเดียว 

ถึงแม้ว่าชาวยิวทั่วโลกจะมีจำนวนประชากรน้อยก็ตาม ( ประมาณ ๑๒ ล้านคนเศษ ) แต่อิทธิพลของชาวยิวก็ได้ครอบคลุมแผ่ไพศาลไปทั่วโลกด้วยธุรกิจทั้งหลายที่ชาวยิวถือครองอยู่อันมีธุรกิจสื่อสารโทรคมนาคมเป็นตัวอย่าง โดยเฉพาะอย่างยิ่งการมีคุณค่าเพิ่มทางด้านอิทธิพลของธุรกิจดังกล่าวในยุคข้อมูลข่าวสารด้วยแล้วยิ่งสร้างความมีอิทธิพลของกลุ่มชาวยิวขึ้นโดยลำดับ ตัวอย่างสำหรับธุรกิจขนาดยักษ์เกี่ยวกับสื่อสารโทรคมนาคมทั้งภายในสหรัฐอเมริกาเองและที่มีเครือข่ายและมีอิทธิพลครอบงำไปทั่วโลกนั้นประกอบไปด้วย


Touchstone Television, Buena Television, ABC Television ,Walt Disney Groups, ESPN Groups, Touchstone Pictures, Holly-wood Pictures , Caravan Pictures, Miramax Films, Warners Braders, Time Magazine, AOL Time Warner inc., CNN ( Jew and Catholic ) and CBS Groups. 


ยิ่งไปกว่านั้นกลุ่มธุรกิจชาวยิวยังมีอิทธิพลส่วนหนึ่งครอบคลุมไปถึงธุรกิจด้านการเงินการธนาคาร และแม้กระทั่งในธุรกิจการเมืองชาวยิวก็ยังมีอิทธิพลไม่น้อยในสหรัฐอเมริกา นับตั้งแต่ที่มีการก่อตั้งประเทศอิสราเอลเป็นต้นมากลุ่มชาวยิวได้ใช้อิทธิพลของตนในธุรกิจด้านต่าง ๆ ดังที่ได้กล่าวมาแล้วผลักดันรัฐบาลสหรัฐอเมริกาให้ทำสงครามกับชาวมุสลิม ซึ่งเป็นคู่อาฆาตตลอดกาลของชาวยิวโดยเฉพาะอย่างยิ่งชาวมุสลิมที่อยู่ในภูมิภาคตะวันออกกลางซึ่งมีผลกระทบโดยตรงต่อการดำรงอยู่ของรัฐอิสราเอล 


เพื่อที่จะให้บรรลุเป้าหมายสูงสุดของชาวยิวจึงได้สร้างสัมพันธภาพอันแน่นแฟ้นกับชาวคาทอลิกเพื่อที่จะร่วมมือกันสร้างสงครามกับชาวมุสลิม การทำสงครามได้ดำเนินไปในหลายรูปแบบ ทั้งสงครามทางด้านเศรษฐกิจ สงครามที่ต้องใช้กำลังทางทหารรวมทั้งสงครามจิตวิทยา ดังนั้นจะเห็นได้ว่า ผู้ก่อการร้ายชาวมุสลิมที่มีชื่อกระฉ่อนโลกอยู่หลังจากเหตุการณ์ ๑๑ กันยายน ๒๕๔๔ มาแล้วนั้นเป็นผลงานการสร้างของสองกลุ่มทางศาสนาใหญ่ ๆ คือ กลุ่มชาวยิวและกลุ่มชาวคริสต์นิกายโรมันคาทอลิกเป็นผู้บงการให้เกิดภาพลักษณ์เช่นนั้นขึ้นต่อสายตามชาวโลก ( การใช้หลักการตามตำราพิชัยสงคราม ซุน วู ในการอธิบาย“เหตุการณ์ ๑๑ กันยายน ๒๕๔๔” และ “สงครามต่อต้านการก่อการร้าย” 


โดย พันโท โสภณ ศิริงาม


นักศึกษา วปอ.สปจ.รุ่น ๑๑ , http://ARTAMART.FreeWeb-Hosting.com http://www.thai.net/specialforce/allcon.htm )


โดยสรุปแล้วที่เห็นได้ชัดที่สุดที่กลุ่มชาวยิวได้ยืมมือของสหรัฐอเมริกามาใช้ในการฆ่าศัตรูตัวฉกาจของตนคือ

๑) การให้สหรัฐฯ สร้างชาวมุสลิมให้เป็นผู้ก่อการร้ายทั่วโลก ซึ่งลักษณะเช่นนี้ก็เท่ากับการฆ่าชาวมุสลิมทั้งหมดท่ามกลางสายตาประชาคมโลกที่เห็นแต่ชาวมุสลิมเท่านั้นที่เป็นผู้ก่อการร้าย ไม่ว่าเกิดการก่อการร้าย ณ พื้นที่ใด ผู้ที่ออกมารับผิดชอบล้วนแล้วแต่เป็นชาวมุสลิมทั้งสิ้น แต่แท้ที่จริงแล้ว ชาวมุสลิมที่ถูกกล่าวอ้างชื่อที่มีส่วนเกี่ยวข้องกับผู้ก่อการร้ายทั่วโลกล้วนแล้วแต่เป็นมุสลิมนอกแถวที่ได้รับการสนับสนุนจากองค์กร ซีไอเอ ของสหรัฐฯ เช่น บิน ลาเดน ก็เป็นฝีมือการสร้างของสหรัฐฯ ซึ่งสหรัฐฯ ก็ยังให้การสนับสนุนบิน ลาเดน อยู่ตลอดเวลาเท่าทักวันนี้ แต่ข่าวที่ออกมา ( ซึ่งข่าวก็คือการทำสงครามอย่างหนึ่งที่สหรัฐฯ และชาวยิวใช้เป็นเครื่องมือดังที่กล่าวมาแล้ว จะพูดอย่างไรก็ได้ตามที่ผู้ที่ควบคุมจะต้องการให้ทำ ซึ่งกล่าวอย่างสม่ำเสมอว่าเป็นฝีมือของบิน ลาเดน และจะได้กล่าวถึงความเป็นมาของ บิน ลาเดน ภาคพิสดารต่อไป ) 

นอกจากนั้นก็ยังมีกลุ่มมุสลิมเสรีที่คอยหักหลังมุสลิมด้วยกัน กลุ่มนี้ก็ได้รับการสนับสนุนด้านการเงินจากสหรัฐฯ เช่นเดียวกัน กลุ่มก่อการร้ายที่มีชื่อติดอยู่ในหูของชาวโลกในปัจจุบันนี้ที่สหรัฐฯ ให้การสนับสนุนอยู่ประกอบไปด้วย กลุ่มอัลกอร์ อิดะห์ ของ โอซามา บิน ลาเดน กลุ่มเจไอ กลุ่มอามูซายาฟ และอื่น ๆ อีก รายละเอียดดูได้จาก


CIA the foundation of Global Terrorist Operation: http://www.thai.net/specialforce/allcon.htm( The Terrorism Information Center would like to thank Dr.Ben B. Hunter for providingthe special terrorist profiles that are listed on this page.)


๒) การใช้การก่อการร้ายที่สหรัฐฯ สร้างขึ้นแล้วเข้าควบคุมประเทศมุสลิมในภูมิภาคต่าง ๆ นี่ก็เท่ากับว่า เป็นการใช้มือของสหรัฐฯ ในการฆ่าศัตรูของตนโดยปริยาย โดยที่กลุ่มนักธุรกิจชาวยิวผู้ทรงอิทธิพลคอยให้การสนับสนุนรัฐบาลสหรัฐฯ อยู่เบื้องหลัง

๓) การที่สหรัฐฯ ให้การสนับสนุนการป้องกันตนเองของชาวยิวในดินแดนอิสราเอล จะเห็นได้ว่า ชาวยิวในอิสราเอลเป็นกลุ่มคนที่ไม่ได้มากมายอะไรเลยอยู่ท่ามกลางประเทศมุสลิมจำนวนมาก มีหลายครั้งที่ชาวมุสลิมในตะวันออกกลางได้รวมกำลังทหารกันเข้าโจมตีอิสราเอลแต่ก็ต้องพ่ายแพ้เพราะสหรัฐฯ คอยปกป้องคุ้มครองอยู่เสมอ แม้แต่กรณีสงครามยมคิปปูหรือสงคราม ๖ วัน อันลือลั่นของอิสราเอลกับอาหรับ ถ้าสหรัฐฯ ไม่ได้ให้การสนับสนุนโดยการใช้อาวุธนิวเคลียร์เข้ามาขู่ชาวอาหรับแล้วไม่มีทางที่อิสราเอลจะได้ชัยชนะในสงครามนี้ ( แต่การใช้อาวุธนิวเคลียร์เข้ามาขู่
ไม่ได้กล่าวไว้ในกรณีศึกษาใด ๆ )

๔) รัฐบาลสหรัฐฯ ให้การสนับสนุนชาวยิวและอิสราเอลบนเวทีการเมืองระหว่างประเทศทุกรณี โดยผู้ผลักดันคือกลุ่มนักธุรกิจชาวยิวที่มีอิทธิพลครอบงำการเมืองสหรัฐอเมริกานั่นเอง

กลยุทธ์นี้จึมีผู้สรุปว่า

“ เมื่อศัตรูมีทีท่าแจ่มชัด แต่กำลังของฝ่ายเรายังมิกล้าแข็ง ควรจะหาทางอาศัยกำลังของพันธมิตรไปโจมตีศัตรู หลีกเลี่ยงการสูญเสียของฝ่ายเรา ด้วยวิธีการทั้งปวง”




Source :  http://www.arunsawat.com/board/index.php?topic=561.0

No comments:

Post a Comment