ซุนวู ๑๓ บท : บทที่ 3 ยุทธศาสตร์การรบรุก

อันหลักการทำศึกนั้น บ้านเมืองสมบูรณ์เป็นเอก บ้านเมืองบอบซ้ำเป็นรอง กองทัพสมบูรณ์เป็นเอก กองทัพบอบซ้ำเป็นรอง กองพลสมบูรณ์เป็นเอก กองพลบอบซ้ำเป็นรอง กองร้อยสมบูรณ์เป็นเอก กองร้อยบอบซ้ำเป็นรอง เหตุนี้ รบร้อยครั้งชนะร้อยครั้ง ยังหาใช้ความยอดเยี่ยมในความยอดเยี่ยมไม่ มิต้องรบแต่สยบทัพข้าศึกได้ จึงจะเป็นความยอดเยี่ยมในความยอดเยี่ยม

ฉะนั้น การบัญชาทัพชั้นเอกคือชนะด้วยอุบาย รองมาคือชนะด้วยการทูต รองมาคือชนะด้วยการรบ เลวสุดคือการตีเมืองเป็นเรื่องสุดวิสัย เพราะการสร้างรถโล่ การเตรียมยุทโธปกรณ์ สามเดือนจึงแล้วเสร็จ การถมเนินเข้าตีเมือง ต้องอีกสามเดือนจึงลุล่วง แม่ทัพจักกลั่นโทสะมิได้ ทุ่มทหารเข้าตีดุจจอมปลวก ต้องล้มตายหนึ่งในสาม แต่เมืองก็มิแตก นี้คือความวิบัติจากการตีเมือง

ซุนวู ๑๓ บท : บทที่ 2 การทำศึก

อันหลักแห่งการบัญชาทัพนั้น ต้องใช้รถเร็วพันคัน รถหุ้มหนังพันคัน พลรบสิบหมื่น ขนเสบียงพันลี้ ค่าใช้จ่ายในและนอกประเทศ ค่าใช้จ่ายการทูต ค่าซ่อมสร้างยุทโธปกรณ์ ค่ารถรบเสื้อเกราะ ต้องสิ้นเปลืองวันละพันตำลึงทองดังนี้ จึงจะเคลื่อนพลสิบหมื่นออกรบได้

เมื่อรบพึงชนะเร็ว ยืดเยื้อกำลังก็เปลี้ยขวัญทหารก็เสีย ตีเมืองจักไร้พลัง ทำศึกนอกประเทศนาน ในประเทศจักขาดแคลน เมื่อกำลังเปลี้ยขวัญทหารเสีย สูญสิ้นทั้งไพร่พลและเศรษฐกิจ เจ้าครองแคว้นอื่น จักฉวยจุดอ่อนเข้าบุกรุก แม้จะมีผู้เยื่ยมด้วยสติปัญญาก็สุดจะแก้ไขให้กลายดี

วิถีสามก๊ก ตอนที่ 3 ซุนกวน : อ่อนน้อมถ่อมตน รู้จักใช้คน

        "ซุนกวน" ประมุขแห่งง่อก๊ก เป็นผู้นำที่มีอายุน้อยที่สุดในบรรดาก๊กทั้งสาม (น้อยกว่าโจโฉ 26 ปี และน้อยกว่าเล่าปี่ 20 ปี) ถึงแม้บางคนอาจจะมองว่าซุนกวนไม่ได้สร้างก๊กขึ้นมาเองเหมือนโจโฉและเล่าปี่ เพราะรับสืบทอดต่อมาจากพี่ชาย (ซุนเซ็ก) ที่ถูกลอบสังหาร 

      แต่ถึงกระนั้นสุภาษิตที่ว่า "สร้างว่ายากแล้ว รักษาไว้ยิ่งยากกว่า" ย่อมเหมาะสมที่สุดสำหรับซุนกวน เพราะต้องแบกรับความกดดันจากวีรกรรมที่พ่อ (ซุนเกี๋ยน) และพี่ชาย (ซุนเซ็ก) ได้สร้างไว้ เนื่องจากซุนเกี๋ยนเมื่ออายุ 19 ปี ก็ได้สมญาว่าพยัคฆ์แดนใต้ ส่วนซุนเซ็กเมื่ออายุ 26 ปี ก็ครองความยิ่งใหญ่ ตั้งตนเป็นอ๋องแห่งกังตั๋งได้สำเร็จ ความกดดันจึงตกมาที่ซุนกวน กล่าวคือทำดีก็เสมอตัว ทำชั่วก็โดนครหา

"PENJAJAH TERTIPU, TOK JANGGUT TIDAK TERKORBAN"

Tahun 2015 yang akan melabuhkan tirai pada Khamis agak signifikan daripada segi sejarah kerana ia menandakan genap 100 tahun berlakunya peristiwa Tok Janggut menentang British di Kampung Dalam Pupoh, Pasir Puteh, Kelantan.

Kalau hendak diikutkan, sudah banyak artikel Tok Janggut diketengahkan sebelum ini.

Namun apabila diselidiki hampir kesemua berkongsi sumber yang sama dan tidak banyak maklumat catatan yang boleh diambil sebagai rujukan serta pengajaran bersama.

TOKOH MELAYU PATANI TENKU MAHMUD MAHYUDDIN HARIMAU PEMIMPIN GERILYA

Setelah jatuh kerajaan Patani di tangan jajahan Siam atau Thai pada tahun 1785, nasib hidup rakyat Melayu Islam Patani tidak lagi aman masih dalam kesengsaraan dan kederitaan rakyat Islam patani bertambah kuat lagi apabila kerajaan Islam Patani jatuh dengan secara rasmi pada tahun 1902. rakyat dizalim, ditindas, dianiayai oleh kerajaan siam. Banyak tokoh-tokoh ulama berjuang untuk menuntut keadilan dan hak asasi manusiaan, terdirinya Tuan Haji Sulong, Tok kenali, Syeik Daud Alfathoni, Tengku Mahmud Mahyuddin dan sebagainya.

Tokoh yang harus disebut juga dalam perjuang Islam Melayu Patani yaitu Tengku Mahmud Mahyuddin, Tengku Mahmud Mahyuddin adalah anak sultan Patani terakhir dari seorang ibunda yang berasal dari Kelantan, Tengku Mahmud Mahyuddin tumbuh besar di tengah-tengah gejolak Negeri Patani yang menjadi rebutan antara Siam dan Inggris. Dilahirkan 30 Oktober 1908, Tengku Mahmud Mahyuddin tidak merasa lama tumbuh dalam asuhan ibu, ibu pun mati meninggal dunia dan sauhan di teruskan pada ibu tiri, sejak ia berusia empat tahun. Masa kecilnya dihabiskan dalam suasana pendidikan di Kelantan,sejak usia tujuh tahun di sekolah majlis Agama Islam Kelantan.

POLITIK IDENTITAS PATANI TERHADAP THAILAND

Proses perubahan social politik di Patani tidak terlepas dari peran actor-actor baik Civil Society Organizations (CSOs), kultural masyarakat Patani dan elit politk yang berada di pusat kekuasaan. Dengan modal-modal yang mereka memiliki mampu membawa perubahan yang singnifikan dengan bekerjasamanya ketiga actor itu dalam membangun perdamaian di Patani.

PROJEK BINAAN JAMIAH ISLAM SYEIKH DAUD AL-FATHONI (JISDA)

I.PENGENALAN SINGKAT JISDA SEKARANG

Jamiah Islam Syeikh Daud al-Fathoni (JISDA) adalah institusi perguruan tinggi Islam swasta dan berlokasinaya di ibu kota provinsi Yala ( sebelah utara pusat pentadbiran ibu kota wilayah Yala). Sekarang JISDA sudah dapat dikembang menjadi empat Fakultas; pertama, Fakultas Tarbiyyah, Fakultas Syariah, Fakultas Ushuluddin, dan Fakultas Dirasat Islamiyah wal Arabiyyah. JISDA ini, di bawah naungan yayasan “Muassasah ats-Tsaqafah Islamiyah Yala-haji Harun ”. Alamat JISDA No. 762 Jalan siroros, Muang, Yala. Tel. 073-212412, 222825 Fax. 073-240167.

Kenapa Perguruan Tinggi Islam kami diberikan nama Jamiah Islam Syeikh Daud? Marilah kita perhatikan sejenak bagaimana ketokohan Syeikh Daud al-Fathoni secara singkat, sebagaimana di bawah ini;

๓๖ กลยุทธ์ : กลยุทธ์ที่ ๔ รอซ้ำยามเปลี้ย

ส่วนที่ ๑
กลยุทธชนะศึก

เมื่อเมื่อยามเราเป็นฝ่ายเหนือกว่า
ก่อนอื่นจะต้องสยบข้าศึกลงไป
ใช้การรุกรบอย่างเป็นฝ่ายกระทำ
ทำสงครามด้วยรูปการที่เป็นผลดีที่สุด 

กลยุทธ์ที่ ๔ รอซ้ำยามเปลี้ย

จักให้ศัตรูลำบาก มิรบด้วย แกร่งเสียอ่อนได้

กลยุทธ์นี้มีความหมายว่า เมื่อประสงค์จักทำให้ข้าศึกตกอยู่ในภาวะลำบากไม่แน่ว่าจะต้องใช้วิธีรบแต่ฝ่ายเดียว อาจจะใช้วิธี “ แกร่งเสียอ่อนได้” ตามที่กล่าวไว้ใน “ คัมภีร์อี้จิง สูญเสีย เพื่อให้ได้รับชัยชนะก็ได้”

Haji Sulong Sang Permata Patani (1895 – 1954)

Oleh: H. Rosidi Semail (Rossem)

SEBUAH wacana pemikiran Tuan Guru Haji Sulong, Kilauan Permata Pattani telah didiskusikan di Dewan Bahasa dan Pustaka Wilayah Timur (DBPWT), Kota Bharu, Kelantan, Malaysia tanggal  9 Januari 2016 lalu.

Acara diresmikan oleh Timbalan Mufti Kerajaan Negeri Kelantan,  Dato’  H. Nik Abdul Kadir Nik Mohamad. Panelis  terdiri Prof. Madya Dr. Ahmad Omar Chapakia dari  Universitas Pattani, Thailand, Zamberi A. Malek  penulis buku Tuan Guru Haji Sulong, Ustaz Farid Mat Zain dosen Jabatan Pengajian Arab dan Tamadun Islam Universitas Kebangsaan Malaysia (UKM) dan Ustaz Abdul Razak Mahmud, mantan editor Majlis Agama Islam dan Adat Istiadat Melayu Kelantan (MAIK).

***

เจ้าหน้าที่เยี่ยมบ้านนักกิจกรรมภาคใต้หลังเผยแพร่รายงานสถานการณ์การทรมาน

19 ก.พ. 2559 เวลา 17.00 น. บุคคลซึ่งอ้างว่าเป็นเจ้าหน้าที่ตำรวจตระเวนชายแดน แต่งกายด้วยเครื่องเเบบสีเขียว ประมาณ  10 นาย ได้มาขอพบ น.ส.อัญชนา หีมมีหน๊ะ กลุ่มด้วยใจ โดยไม่มีหมายจับหรือหมายค้น เจ้าหน้าที่ได้จอดรถสามคันล้อมรอบบ้านของอัญชนาในเขต จ.สงขลา พร้อมทั้งซักประวัติ ถ่ายรูปบ้านและมารดาของอัญชนาไว้ ก่อนกลับไปหลังจากไม่พบอัญชนา

ทั้งนี้ในเวลาดังกล่าวมีเพียงมารดาของนอัญชนา ซึ่งมีอายุ 75 ปีอยู่บ้านคนเดียว ทำให้มารดาของอัญชนารู้สึกกังวลที่ต้องคุยกับเจ้าหน้าที่ เพราะไม่มีใครอยู่ด้วยและบ้านใกล้เคียงก็อยู่ห่างออกไปประมาณ 30 เมตร

โดยเจ้าหน้าที่ได้แนะนำตัวเองว่าเป็นตำรวจตระเวนชายแดน พร้อมทั้งสอบถามถึงประวัติส่วนตัวของอัญชนา หีมมิหน๊ะ ในเรื่องการทำงาน และได้ถ่ายรูปมารดาและบ้านของนางสาวอัญชนาไว้หลายรูป แต่ไม่ได้เข้าไปด้านในบ้าน การพบครั้งนี้ไม่มีหมายหรือเอกสารใดๆมาแสดง ภายหลังจากพูดคุยกันประมาณหนึ่งชั่วโมงแล้ว ก่อนกลับเจ้าหน้าที่ได้แจ้งกับมารดาว่าฝากบอกลูกสาวด้วยว่าห้ามเล่นไลน์ (line) และเฟซบุ๊ก (facebook)

10 อันดับยอดขุนศึกในยุค สามก๊ก

10.แฮหัวตุ้น - วุยก๊ก
แฮหัวตุ้น (อังกฤษ: Xiahou Dun; จีนตัวเต็ม: 夏侯惇; จีนตัวย่อ: 夏侯惇; พินอิน: Xiàhóu Dūn; เวด-ไจลส์: Hsiahou Tun) เป็นนายพลภายใต้ทัพวุยก๊กของโจโฉในยุคสามก๊กในประวัติศาสตร์จีน แฮหัวตุ้นยังเป็นญาติกับโจโฉโดยแต่เดิมโจโฉนามสกุล "แฮหัว" แต่ได้เปลี่ยนตามพ่อบุญธรรมเป็นสามสกุล "โจ" แฮหัวตุ้นเป็นแม่ทัพมือขวาและยังเป็นลูกพี่ลูกน้องที่โจโฉให้ความไว้วางใจมากที่สุดคนหนึ่ง และเขาก็เป็นคนที่อยู่กับโจโฉมาตั้งแรกเริ่มที่โจโฉเริ่มก่อการจวบจนถึงวาระสุดท้ายของชีวิต ซึ่งเขาได้โจโฉขยายอำนาจในการต่อสู้กับ เล่าปี่ ซุนกวน และ ลิโป้

๓๖ กลยุทธ์ : กลยุทธที่ ๓ ยืมดาบข้าคน

ส่วนที่ ๑ 
กลยุทธชนะศึก 

เมื่อเมื่อยามเราเป็นฝ่ายเหนือกว่า 
ก่อนอื่นจะต้องสยบข้าศึกลงไป 
ใช้การรุกรบอย่างเป็นฝ่ายกระทำ 
ทำสงครามด้วยรูปการที่เป็นผลดีที่สุด

กลยุทธที่ ๓ ยืมดาบข้าคน

ศัตรูชัด มิตรลังเล ชักจูงมิตรสังหารศัตรู
มิใช้กำลังตน เลี่ยงความสูญเสีย

กลยุทธ์นี้มีความหมายว่า เมื่อศัตรูปรากฏแน่ชัด แต่มิตรยังลังเล สิ่งที่พึงกระทำก็คือล่อให้พันธมิตรออกไปปะทะศัตรู นี่เป็นกลวิธีอย่างหนึ่งที่ใช้ความขัดแย้ง ยืมกำลังของตนอื่นไปทำลายศัตรู เพื่อรักษากำลังของตนเองไว้ แต่การยืมเช่นนี้จะต้องให้แนบเนียน มิฉะนั้นแล้วก็ไม่อาจทำลายศัตรูได้ 

การเมืองไทยฉบับ(มากกว่า)สามก๊ก

แม้ไม่มี ทวนยาว 8 ศอก หนัก 80 ชั่งจีน พัดขนนกกระเรียน หรือ ดาบชิงกัง ในมือนักการเมือง แต่มือเปล่าและเรื่องราวการเมืองไทยก็เข้มข้นไม่แพ้กัน

ใครบางคนว่าไว้ “อ่านสามก๊ก สามจบ คบไม่ได้” แต่ ณ วันนี้ ยิ่งอ่านให้ทะลุปรุโปร่งยิ่งดี เพราะเรื่องราวในวรรณกรรมอายุกว่า 1,800 ปีเรื่องนี้ ยังร่วมสมัย และใช้สะท้อนสัจธรรมบางอย่างได้ตลอดเวลา

โดยเฉพาะสัจธรรมทางการเมืองไทย พ.ศ.2554 ที่ตัวละครต่างๆ ยังวนเวียนอยู่ในสภาผู้แทนอันทรงเกียรติ บ้างก็หลุดวงโคจรแต่ยังชักใยอยู่เบื้องหลัง

เจ้าของนามปากกา “เล่า ชวน หัว” สุขสันต์ วิเวกเมธากร, เมธา เจริญธนาวัฒน์ เว็บมาสเตอร์เว็บไซต์ไทยสามก๊กดอทคอม ตรีภูมิ ต้นวัชรปาล ผู้รอบรู้สามก๊ก และ ดร.วิทย์ สิทธิเวคิน คุยเรื่องนี้กันอย่างออกรสในวงเสวนา “สามก๊กกับการเมืองไทย” ซึ่งจัดขึ้น ณ ศูนย์การค้าริเวอร์ซิตี้ เมื่อปลายเดือนสิงหาคม

บทเรียนจากประวัติศาสตร์ ฮัจญีสุหลง กับจังหวัดมุสลิมภาคใต้

ฮัจญีสุหลง

ปัตตานีมีประวัติศาสตร์ในฐานะแว่นแคว้นเอกราชมายาวนาน และก็มีประวัติศาสตร์แห่งการต่อต้านการรวมศูนย์อำนาจปกครองของไทยมายาวนานเช่นกัน เพื่อสลายการกบฏในปัตตานี พระบาทสมเด็จพระพุทธยอดฟ้าจุฬาโลกฯ ได้ทรงโปรดให้แบ่งปัตตานีออกเป็น ๗ หัวเมืองย่อยโดยให้แต่ละเมืองมีสุลต่านตามสายตระกูล หรือตวนกู เป็นผู้ปกครองเมืองเหล่านั้นคือ-รามันห์, ระแงะ, ยะลา, หนองจิก, สายบุรี, ยะหริ่ง และปัตตานี บรรพบุรุษของฮัจญีสุหลงเป็นครูสอนศาสนา อันเป็นอาชีพที่มักตกทอดไปสู่ลูกหลานในสกุล อยู่ในเมืองปัตตานี.

หัวเมืองที่ปกครองโดยวงศ์สุลต่านทั้งหมดนี้ได้ถูกกำจัดออกไป เมื่อการปฏิรูปการปกครองแผ่นดินของพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว ในช่วงหัวเลี้ยวหัวต่อระหว่างคริสต์ศตวรรษที่ ๑๙ กับ ๒๐ ได้ค่อยๆ ดึงภาคใต้เข้ามาสู่ระบอบเดียวกันกับที่ใช้ปกครองสยามทั้งประเทศ นับตั้งแต่ปี ค.ศ. ๑๙๐๑ (พ.ศ. ๒๔๔๔) เป็นต้นมา

วิถีสามก๊ก ตอนที่ 2 เล่าปี่ : ต่ำต้อยใช่จะต้องต้อยต่ำ

เล่าปี่

(ที่มา : http://threekingdoms.wikia.com)

     "เล่าปี่" ผู้สืบเชื้อสายจาก "ตงสานเชงอ๋อง" มีศักดิ์เป็นอาของพระเจ้าเหี้ยนเต้ แต่ด้วยชะตากรรมทำให้ต้องตกยากกลายมาเป็นคนทอเสื่อขาย ซึ่งคำว่า "คนทอเสื่อขาย" นี้เองที่ถูกผู้อื่นนำมาดูหมิ่นเหยียดหยามนานา ว่าเป็นแค่ผู้ดีตกยากแล้วจะเป็นใหญ่ได้อย่างไร 

.

     เล่าปี่ได้ร่วมสาบานเป็นพี่น้องกับกวนอูและเตียวหุย โดยเล่าปี่เป็นพี่ใหญ่ กวนอูเป็นน้องรอง ส่วนเตียวหุยเป็นน้องเล็ก ตัวเล่าปี่เองมีภรรยาสองคน คือนางกำฮูหยินและนางบิฮูหยิน ที่ปรึกษาส่วนตัวในช่วงเริ่มตั้งตัวของเล่าปี่ประกอบด้วยซุนเขียน บิต๊ก (พี่ชายของนางบิฮูหยิน) และกันหยง โดยทั้งหมดล้วนเป็นคนใกล้ชิดและเครือญาติของเล่าปี่เองทั้งสิ้น หรืออาจจะกล่าวได้ว่ากิจการของเล่าปี่นั้นเป็นธุริกิจแบบครอบครัว 100% มีน้องชายสองคนเป็นคนช่วยบริหาร มีพี่ชายของภรรยาและญาติเป็นคนช่วยดูแลจัดการกองทัพ 

     ซึ่งตัวเล่าปี่เองก็เชื่อมั่นในฝีมือเครือญาติเหล่านี้มาตลอดตั้งแต่เริ่มตั้งตัวตอนอายุ 24 ปี จนอายุ 48 ปีก็ยังไม่ค่อยเห็นความคืบหน้าเท่าใดนัก มีเมืองครองบ้าง แต่บางครั้งก็แทบไม่มีแผ่นดินจะอยู่ มีบ้าง อดบ้าง ล้มลุกคลุกคลานมาตลอดยี่สิบกว่าปี จนกระทั่งได้มาพบกับสุมาเต๊กโชที่ได้ชี้ทางสว่างในเชิงนโยบายให้กิจการของเล่าปี่ โดยทำให้เล่าปี่รู้ว่าทรัพยากรบุคคลที่มีอยู่นั้นยังไม่มีความสามารถพอ

Hangusnya Al Qur’an Kami, Tangis Air Mata Muslim Patani (2-Habis)

BERKALI-kali Baliyan hanya bisa menundukkan kepalanya ketika Islamposbersama relawan Tim Road for Peace berkunjung ke Pondok Al Jihad Fi Sabilillah di Patani. Gurat kesedihan tampak memancar dari wajah pria berumur 30 tahunan itu. Sedangkan di sekelilingnya bangunan tempat para santri belajar hanya tinggal kenangan usai berhenti beraktivitas sejak tahun 2005.

Hangusnya Al Qur’an Kami, Tangis Air Mata Muslim Patani (1)

“Pondok Pesantren kami dibakar beserta kitab-kitabnya. Sekarang anak Patani tidak punya lagi tempat belajar,”

Tiba-tiba lelehan air mata menetes dari wajah Qosim. Sambil menyeka muka dengan tangannya, badan Imam masjid Pondok Al Jihad Fi Sabilillah berusia 60 tahunan itu bergetar hebat.

Dari arah belakang, Sulaiman, mengusap-usap punggungnya.  Mantan santri di Pondok Jihad Fi Sabilillah itu hanya bisa diam meratapi pondoknya diberangus.

CERITA DUKA PONDOK JIHAD

Tertutup adegan “Pondok Jihad Wittiya” setelah pengadilan hukum berkeputusan merebut properti tanah wakaf bekas po...ndok, keluarga si pemilik memutuskan tidak banding kasusnya dengan berpindah ke masjid tempat tinggal sementara “Kami sering disentuhi berbagai macam ganguan dan ingin hidup seperti orang normal”.

Ahad 14 Febuari 2016, Keluarga siap berkemas semua harta miliki dirumah asal bekas Pondok Jihad Wittiya di sebuah Kampung Taqdam, Kecematan Telok Kapur, Kabupaten Yaring, Provinsi Patani, Thailand Selatan. Berserta warga desa disekitar kampung dan alumni saling membantu untuk berangkat keluar dari rumah yang merupakan lokasi dari bekas sekolah pondok. Mereka harus meninggalkan tempat diaman asal ini setelah kalah kasus di pengadilan. Karena diperintahkan mahkamah untuk ditarik miliki tanah dengan menjadi harta negara mengikut Undang-undang Pertahanan dan Anti-Pencucian Uang 1999, dengan kes tuduhan kasus lokasi pondok tersebut sebagai markaz pelatihan dan mendukung pejuang dengan senjata kekerasan.

อ่านสามก๊กแบบเซียน

อ่านวรรณกรรม “สามก๊ก” ที่เข้าใจยากให้เป็นเรื่องง่าย พร้อมนำไปใช้ประโยชน์ในการเรียน- การทำงานตั้งแต่ลูกน้องถึงนักบริหารชั้นยอดขององค์กร เริ่มตั้งแต่ฉบับการ์ตูน เหมาะทั้งเด็กและผู้ใหญ่ เพราะอ่านง่าย สนุก และมีสีสัน จากนั้นค่อยพัฒนาอ่านสามก๊กตามลำดับขั้น ก่อนจบลงที่ “สามก๊กฉบับเจ้าพระยาพระคลัง(หน)” ถือเป็นต้นฉบับสามก๊กของไทยที่มีคุณค่ายิ่ง ส่วนผู้ที่ทำธุรกิจไม่ควรพลาดสามก๊ก 3 เล่ม เทียบตำราบริหารจัดการชั้นยอด!

ปิดฉากโรงเรียนปอเนาะญีฮาดวิทยาหลังศาลให้ยึดทรัพย์สินเป็นของแผ่นดิน

ครอบครัวเจ้าของย้ายออกไปอยู่มัสยิดพร้อมตัดสินใจไม่อุทธรณ์ "เราโดนมามากแล้ว อยากกลับไปใช้ชีวิตแบบคนปกติเสียที”

วันนี้ 14 ก.พ. ครอบครัวแวมะนอเก็บข้าวของทั้งหมดที่มีอยู่ในบ้านที่ตะโละกาโปร์ อ.ยะหริ่ง จ. ปัตตานี มีชาวบ้านที่อยู่รอบๆไปช่วยพวกเขาเพื่อจะย้ายออกจากบ้านซึ่งก็เป็นที่ตั้งของโรงเรียนปอเนาะด้วย พวกเขาต้องออกจากที่ดินผืนนี้หลังจากที่แพ้คดีในศาล ถูกคำสั่งให้ยึดเป็นทรัพย์สินของแผ่นดินตามกฎหมายอาญาว่าด้วยการยึดทรัพย์ที่ถูกใช้ในการสนับสนุนการก่อการร้ายด้วยการเป็นที่ฝึกอาวุธของผู้ก่อเหตุ

ซุนวู ๑๓ บท : บทที่ 1 ประมาณสถานการณ์

อันสงครามนั้น เป็นเรื่องสำคัญของประเทศชาติ เป็นแหล่งแห่งความเป็นความตาย เป็นเหตุแห่งการดำรงอยู่หรือดับสูญ จักไม่พินิจ พิเคราะห์มิได้ ฉะนั้น พึงวิเคราะห์จากห้าเรื่อง นำมาเปรียบเทียบเพื่อประเมิน ให้ถ่องแท้ในสภานะการณ์หนึ่งคือคุณธรรม สองคือลมฟ้าอากาศ สามคือภูมิประเทศ สี่คือแม่ทัพ ห้าคือกฎระเบียบ
ที่ว่าคุณธรรมคือ สิ่งที่ทำให้ทวยราษฎร์และเบื้องบนมีเจตนารมณ์ร่วมกัน ร่วมเป็นก็ได้ ร่วมตายก็ได้ ทวยราษฎร์มิหวั่นอันตราย

ที่ว่าล้มฟ้า ก็คือ สว่างหรือมืด หนาวหรือร้อน ฤดูนี้หรือฤดูนั้น ที่ว่าภูมิประเทศ ก็คือ สูงหรือต่ำ ใกล้หรือไกล คับขันหรือราบเรียบ กว้างหรือแคบ เป็นหรือตาย ที่ว่าแม่ทัพ ก็คือ สติปัญญา ศรัทธา เมตตา กล้าหาญ เข้มงวด ที่ว่ากฎระเบียบ ก็คือ ระบบจัดกำลัง ระบบยศตำแหน่ง ระบบพลาธิการ

ตำราพิชัยสงคราม ซุนวู 13 บท

ซุนวู (จีนตัวย่อ: 孙武; จีนตัวเต็ม: 孫武; พินอิน: Sūn Wǔ; ซุนอู่) หรือ ซุนจื่อ (จีนตัวย่อ: 孙子; จีนตัวเต็ม: 孫子; พินอิน: Sūn Zǐ; เวด-ไจลส์:Sun Tzu, แปลว่า "ปราชญ์แซ่ซุน") เป็นผู้เขียนตำราพิชัยสงครามของซุนวู (ซุนจื่อปิงฝ่า - 孙子兵法) ที่นับว่าเป็นตำรายุทธศาสตร์ทางทหาร ที่มีอิทธิพลมากของประเทศจีน ปัจจุบันยุทธศาสตร์ในตำราได้ถูกประยุกต์ ใช้อย่างกว้างขวางในวงการธุรกิจและการเมือง หลักการที่สำคัญเช่น รู้เขารู้เรา รบร้อยครั้ง มิพ่าย