Monday, 25 January 2016

๓๖ กลยุทธ์ : กลยุทธ์ที่ ๑ ปิดฟ้าข้ามทะเล

ส่วนที่ ๑
กลยุทธชนะศึก

เมื่อเมื่อยามเราเป็นฝ่ายเหนือกว่า
ก่อนอื่นจะต้องสยบข้าศึกลงไป
ใช้การรุกรบอย่างเป็นฝ่ายกระทำ
ทำสงครามด้วยรูปการที่เป็นผลดีที่สุด

กลยุทธ์ที่ ๑ ปิดฟ้าข้ามทะเล
เมื่อเตรียมพร้อมก็ประมาท เมื่อเห็นบ่อยก็มิสงสัย
มืดอยู่ในสว่าง ไม่อยู่ตรงข้ามสว่าง สว่าง มืด

กลยุทธ์นี้มีความหมายว่า สิ่งที่ตนคิดว่าได้ตระเตรียมไว้อย่างพร้อมมูลแล้ว มักจะมึนชา
และประมาทศัตรูได้ง่าย สิ่งที่พบเห็นอยู่เสมอในยามปกติก็ไม่เกิดความสงสัยอีกต่อไป

ที่ว่า “ มืดอยู่ในสว่าง ไม่อยู่ตรงข้ามสว่าง” ก็คือในอุบายแจ้งมีอุบายลับอุบายลับ
จะปรากฏเป็นจริงขึ้นในอุบายแจ้งนั่นเอง “ สว่าง” คือเปิดเผย แจ้งชัด “มืด” คือแฝงเร้น ปกปิด
ความหมายของคำว่า “สว่าง มืด” ก็คือ ในรูปแบบที่เปิดเผยอย่างที่สุด แฝงเร้นไว้ ด้วยเนื้อหา
ที่ปิดลับที่สุด การใช้อุบายประสานกันทั้งมืดและสว่าง ย่อมเป็นกลยุทธ์อันเป็นปกติวิสัยของคู่ต่อสู้ ในการสัประยุทธ์ห้ำหั่นซึ่งกันและกัน ที่กลยุทธ์นี้ใช้ชื่อ “ปิดฟ้าข้ามทะเล” ก็คือการสร้างภาพลวง ฝ่ายข้ามทะเลไปโดยไม่ให้ฝ่ายตรงข้ามรู้เนื้อรู้ตัว เมื่อใช้ในด้านการทหาร มิได้หมายถึงการข้ามทะเล ด้วยการปกปิดเป็นเฉพาะ แต่หมายความว่าเมื่อ ๒ ประเทศรบกัน ฝ่ายหนึ่งใช้กลยุทธ์สร้างภาพลวงขึ้น ปกปิดความจริง มึนชาฝ่ายตรงข้าม นี่คือกลยุทธ์ใช้การพรางตามาปกปิดจุดประสงค์ของตน มิให้ฝ่ายตรงข้ามพบเห็นได้ง่าย เพื่อบรรลุภารหน้าที่ที่ได้กำหนดไว้อย่างหนึ่ง ในบันทึกประวัติศาสตร์เรื่อง “ราชวงศ์สุย” ( ค.ศ.๕๘๙ – ๖๑๘ ) มีเรื่องราวเป็นอุทาหรณ์ดังต่อไปนี้

เมื่อหยางเจียนโค่นราชวงศ์โจวเหนือลงไปแล้ว ก็ปราบดาภิเษกขึ้นเป็นพระเจ้าสุยเหวินตี้ – ปฐมกษัตริย์แห่งราชวงศ์สุย ครั้นแล้วก็มีพระราชดำรัสจะบุกข้ามแม่น้ำแยงซีเกียงลงใต้เพื่อยึดครองรัฐเฉิน ก่อนกรีฑาทัพ พระองค์ทรงเรียกประชุมแม่ทัพนายกองเพื่อปรึกษาการศึกในครั้งนี้ ขุนพลเฮ่อย่อปี๋ จึงถวายความเห็นว่า“เวลานี้รัฐเฉินมีกำลังกล้าแข็ง ซ้ำยังมีแม่น้ำแยงซีเกียงขวางกั้นอยู่เป็นชัยภูมิ ยากแก่การรุก สะดวกแก่การรับ หากจะหักหาญเอาด้วยกำลังก็ยากที่จะชนะศึก มีแต่จะต้องใช้กลยุทธ์ “ปิดฟ้าข้ามทะเล” ปกปิดความประสงค์ให้มิดเม้น ใช้ภาพลวงมึนชาพวกเขา แล้วค่อยจู่โจมในภายหลัง จึงจะสัมฤทธิผล” พระเจ้าสุยเหวินตี้ทรงเห็นด้วยกับกลศึกของเฮ่อย่อปี๋ จึงแต่งตั้งให้เป็นแม่ทัพใหญ่คุมกองทัพลงไปบุกรัฐเฉิน รัฐเฉินในสมัยนั้น ตั้งเมืองหลวงอยู่ที่เมืองเจี้ยงคัง ( ส่วนใต้ของเมืองนานกิง มลฑลเจียงซูในปัจจุบัน) เพื่อเบี่ยงเบนสายตาของข้าศึก กองทัพชาญศึกของเฮ่อย่อปี๋ตั้งค่ายลง ณ เมืองกว่างหลิง ( เมืองหยางโจว มณฑลเจียงซูในปัจจุบัน)ซึ่งอยู่ทางฝั่งเหนือของแม่น้ำแยงซีเกียงก่อน ด้านหนึ่งออกคำสั่งให้ปกปิดความประสงค์ที่จะบุกรัฐเฉินอย่างเข้มงวดกวดขัน อีกด้านหนึ่งก็ลักลอบส่งทหารปลอมแปลงเป็นพ่อค้า ปะปนกับชาวบ้านข้ามฟากไปยังฝั่งใต้ กว้านซื้อเรือแพกลับมา เรือดี ๆ ก็ให้ซ่อนเสีย เอาแต่เรื่อเก่า ๆ ผุ ๆ พัง ๆ จอดอยู่ริมฝั่งให้เห็น ผ่านไประยะเวลาหนึ่ง เฮ่อย่อปี๋ก็สั่งให้กองทัพของตนสับเปลี่ยนที่ตั้งกันเป็นพัลวัน จงใจจะก่อกวนให้ทหารของรัฐเฉินทางฝั่งตรงข้าม ตื่นตระหนกเจ้าครองรัฐเฉินทราบข่าวเข้าก็ตกใจ รีบส่งทหารมาเสริมกำลังตามชายฝั่งอย่างรีบรุด ทว่า หลังจากกองทัพสุยสับเปลี่ยนที่ตั้งเป็นอลหม่านอยู่พักหนึ่งแล้วก็เงียบไป ไม่มีท่าทีว่าจะบุกโจมตีรัฐเฉินเลย

เมื่อวันเวลาผ่านไปวันแล้ววันเล่า รัฐเฉินรู้สึกว่าไม่เห็นมีอะไรเกิดขึ้นก็ค่อยคลายใจ ถอนกำลังเสริมกลับไปต่อมาอีกระยะหนึ่ง เฮ่อย่อปี๋ก็สั่งให้กองทหารม้าออกล่าสัตว์ตามริมฝั่งแม่น้ำเพื่อหยั่งท่าทีของฝ่ายเฉิน แม่ทัพนายกองรัฐเฉินออกมาสังเกตการณ์เห็นทหารสุยเอาแต่ล่าสัตว์ ไม่มีวี่แววว่าจะบุกข้ามแม่น้ำมา จึงคลายความคลางแคลงใจยิ่งขึ้น กองทัพของรัฐเฉินเห็นกองทัพสุยทำอึกทึกครึกโครมครั้งแล้วครั้งเล่า ก็ยังมิได้โจมตีรัฐตน ก็เข้าใจเอาว่ากองทัพสุยไม่กล้าบุก เมื่อเวลาผ่านไปนานเข้า จิตใจเตรียมพร้อมที่จะรับศึกของกองทัพเฉินก็หย่อนยานไปเป็นลำดับ ในช่วงเวลานี้เอง เฮ่อย่อปี๋เห็นเป็นอากาส ในคืนข้างแรมที่มืดสนิท มองไม่เห็นแม้แต่ปลายนิ้ว ก็แอบนำกองทหารชาญศึกของตนลงเรือที่ซ่อนไว้ข้ามฟากมาโดยที่ทหารของรัฐเฉินมิทันรู้ตัว แล้วเข้าโจมตีกองทหารของรัฐเฉินอย่างฉับพลัน บดขยี้กองทัพหลักของรัฐเฉินอย่างยับเยินที่เขาเจี่ยงซาน( เขาจงซานในนานกิง) บุกเข้ายึดรัฐเฉินไว้ได้หมด ยุติภาวการณ์แบ่งแยกเป็นราชวงศ์เหนือใต้และทำให้จีน เริ่มเป็นเอกภาพตั้งแต่นั้นมา

ตัวอย่าง กรณี ๑๑ กันยายน ๒๕๔๔ เวลาประมาณ ๐๘๐๐ เศษ เมื่อมีเหตุการณ์ผู้ก่อการร้ายจี้เครื่องบินโดยสารพุ่งเข้าชนตึกเวิร์ลด์เทรด เซ็นเตอร์ ในมหานครนิวยอร์ก ประเทศสหรัฐอเมริกา เหตุการณ์ครั้งนี้สร้างความตะลึงงันให้กับประชาคมโลก โศกนาถกรรมที่เกิดขึ้นจากการที่ผู้ก่อการร้ายถล่มตึกเวิร์ลด์เทรดเซ็นเตอร์กรุงนิวยอร์ก สหรัฐอเมริกาเมื่อวันที่ ๑๑ กันยายน ๒๕๔๔ หรือที่เรียกกันในชื่อของเหตุการณ์ ๑๑ กันยายน นั้นเป็นเหตุการณ์ที่ทำให้คนทั้งโลกตะลึงงัน มันเป็นสิ่งที่เหลือเชื่ออย่างยิ่งที่สุด ผู้ที่ถูกกล่าวอ้างว่าเป็นตัวการสำคัญในการปฏิบัติการอันสะเทือนขวัญของคนทั้งโลกนั้นเป็นเพียงกลุ่มกองโจรที่ปฏิบัติการสงครามกองโจรอยู่ในที่ราบสูงดินแดนประเทศอัฟกานิสถานผู้ซึ่งมีภาพพจน์ของกลุ่มกองโจรที่มีสัญลักษณ์ของรูปภาพของนักรบชาวมุสลิมมือข้างหนึ่งสะพายปืน ซึ่งเป็นอาวุธประจำกายที่บ่ามืออีกข้างหนึ่งจูงม้าคู่ใจ เคลื่อนไหวในเขตปฏิบัติการจากภูเขาลูกหนึ่งไปสู่ภูเขาอีกลูกหนึ่ง ลูกแล้วลูกเล่า ภาพของนักรบที่ถูกกล่าวอ้างว่าเป็นผู้ก่อการร้ายดังกล่าวนั้นได้ปรากฏต่อสายตาประชาชนทั้งโลกจากสื่อโทรทัศน์ ซีเอ็นเอ็น และ บีบีซี ซึ่งปรากฏภาพของการฝึกทางทหาร การฝึกอาวุธของผู้ก่อการร้าย และในที่สุดแล้วมีภาพอันสะเทือนขวัญและความรู้สึกของคนทั้งโลกคือภาพของการที่นักรบดังกล่าวข้างต้น ได้แสดงแสนยานุภาพอันสูงยิ่งของตนเองในการเข้าโจมตีสถานที่ที่มีการวางระบบการป้องกันที่มีเทคโนโลยีสูงอย่างแน่นหนา คือ ตึกเวิร์ลด์เทรดเซ็นเตอร์แห่งมหานครนิวยอร์ก และตึกเพนตากอน สถานที่สำคัญสูงสุดที่ต้องมี การวางระบบรักษาความปลอดภัยสูงสุดของประเทศสหรัฐอเมริกา อันเป็นที่ทำการของกระทรวงกลาโหมของสหรัฐอเมริกามหาอำนาจอันดับหนึ่งของโลก ซึ่งระบบในการรักษาความปลอดภัยของทั้งสองสถานที่ดังกล่าว สามารถที่จะจับเป้าหมายการเคลื่อนที่เข้ามาของวัตถุต่าง ๆ ไม่ว่าเล็กหรือใหญ่ ช้าหรือเร็วและทำลายวัตถุที่เคลื่อนที่เข้ามาเหล่านั้นอัตโนมัติได้อย่างง่ายดาย

แท้ที่จริงแล้วเหตุการณ์ ๑๑ กันยายน เป็นการสร้างขึ้นของสหรัฐอเมริกาเพื่อ ทำให้สหรัฐอเมริกาสามารถแสวงประโยชน์เพื่อใช้ในการแก้ปัญหาของตนซึ่งกำลังประดังเข้ามาทับถมตนเองในขณะนั้นอย่างมากมาย ทั้งที่เป็นปัญหาอันเนื่องมาจากเหตุการณ์ภายในประเทศเองและการที่จะดำรงตนให้อยู่ในสถานะของความเป็นมหาอำนาจหนึ่งเดียวของโลกให้ได้ ในขณะเดียวกันจำนวนหลายประเทศที่เป็นเป้าหมายที่จะต้องสนับสนุนการปราบปรามผู้ก่อการร้ายของสหรัฐอเมริกาหลังเหตุการณ์ ๑๑ กันยายน ซึ่งเป็นผลประโยชน์โดยตรงของสหรัฐฯ ก็จะต้องดำเนินการอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้ หลายประเทศได้ให้การสนับสนุนสหรัฐอเมริกาอย่างทุ่มเท แม้จะต้องสูญเสียทรัพยากรของตนไปมากมายเท่าใดก็ตามทั้งนี้เพราะสหรัฐอเมริกาใช้มาตรการขอความร่วมมือกึ่งบังคับ

ผลกระทบจากกรณีการก่อการร้ายดังกล่าวข้างต้นนั้นได้แพร่กระจายไปเกือบทั่วทุกมุมโลกในที่สุด มีคำกล่าวอีกว่า จำนวนหลายประเทศต้องสูญเสียทั้งบุคลากร ทรัพย์สิน ศักดิ์ศรี และ อธิปไตยของชาติไป อันเนื่องมาจากการที่จะต้องช่วยเหลือสนับสนุนการปราบปรามผู้ก่อการร้ายนำโดยสหรัฐอเมริกา ที่สำคัญคือ บางประเทศค่อย ๆ สูญเสียระบบในการรักษาความมั่นคงของชาติไปอันเนื่องมาจากการแทรกแซงโดยกำลังทหารและบุคลากรของสหรัฐอเมริกา ผู้นำในการต่อต้านการก่อการร้าย และบางประเทศอาจจะต้องถูกแบ่งแยกแล้วย่อยสลาย อันเนื่องมาจากสงครามต่อต้านการก่อการร้ายอันเป็นผลสืบเนื่องมาจากเหตุการณ์กรณี ๑๑ กันยายนนี้ด้วย เมื่อมีการศึกษาวิจัยและนำหลักฐานมาวิเคราะห์ตามหลักการในการทำสงครามแล้วปรากฏว่า เหตุการณ์กรณี ๑๑ กันยายน ๒๕๔๔ นั้นเป็นเหตุการณ์ที่สร้างขึ้นมาโดยสหรัฐอเมริกาเองอย่างจงใจทั้งนี้ เพื่อแก้ปัญหาต่าง ๆ ของสหรัฐอเมริกาที่กำลังประดังเข้ามาดังมีรายละเอียดอธิบายให้เข้าใจพอสังเขปดังต่อไปนี้

๑. ปัญหาภายในสหรัฐอเมริกาเอง

๑) สหรัฐอเมริกาประสบกับปัญหาวิกฤตเศรษฐกิจรอบใหม่ ถึงแม้ว่าวิกฤตเศรษฐกิจที่ผ่านมา ๒ ครั้งของสหรัฐอเมริกาจะได้รับการแก้ไขไปได้ ด้วยการสร้างสงครามอ่าวเปอร์เซียในปี ๒๕๓๔ ( ก่อน ๑๙๙๑ สหรัฐอเมริกา ได้สร้างสถานการณ์และสนับสนุนอิรักให้รุกเข้ายึดครองคูเวตและอ้างต่อชาวโลกว่าอิรักเป็นผู้รุกรานคูเวตทำให้สหรัฐฯ มีความชอบธรรมในการผลักดันองค์การสหประชาชาตินำกำลังเข้าโจมตีอิรักในเวลาต่อมา หลังเสร็จสิ้นสงครามอ่าวในปี ๑๙๙๑ สหรัฐฯ และอังกฤษสามารถขายอาวุธเทคโนโลยีสูงได้มากมายซึ่งได้จากการแสดงในสงครามอ่าวที่สำคัญคือการสามารถเข้าครอบครองธุรกิจน้ำมันในตะวันออกกลางได้ถึง ๙ ใน ๑๐ ส่วน ซึ่งเป็นปริมาณมหาศาลและสามารถที่จะกระตุ้นเศรษฐกิจของสหรัฐฯได้ระดับหนึ่ง : อ่านได้จากสงครามสมัยใหม่ที่สหรัฐฯ ใช้ยึดครองจีนและประชาคมโลก เอกสารวิจัยดีเด่นมหาวิทยาลัยป้องกันประเทศจีน ) และการสร้างสถานการณ์วิกฤตเศรษฐกิจในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ในปี ๒๕๔๐ (๑๙๙๗)ซึ่งสหรัฐฯ ได้สร้างสถานการณ์มาโดยตลอดจนกระทั่งเกิดวิกฤตการเงินและวิกฤตเศรษฐกิจในประเทศไทยแล้วแผ่ขยายออกไปสู่ภูมิภาคกลายเป็นวิกฤตการเงิน และวิกฤตเศรษฐกิจของเอเชีย ซึ่งเป็นผลให้สหรัฐฯ สามารถเข้ายึดครองเศรษฐกิจของเอเชียได้และเงินไหลเข้าสหรัฐฯ ประมาณ ๒๘ ล้านล้านบาทในทันที ทำให้สามารถที่จะกระตุ้นเศรษฐกิจของสหรัฐฯได้อีกระดับหนึ่งเช่นกัน แต่ไม่ได้หมายความว่าวิกฤตเศรษฐกิจจะหมดสิ้นไปโดยสิ้นเชิงก็หาไม่ ผลของวิกฤตทั้งสองครั้ง

ดังที่กล่าวแล้วข้างตนก็ยังคงมีหน่อเค้าอยู่และพร้อมที่จะก่อให้เกิดวิกฤตในรอบต่อไปได้ในอดีตที่ผ่านมา สงครามอิรัก – อิหร่าน ได้ถูกสร้างขึ้นโดยประธานาธิบดีเรแกน แห่งสหรัฐอเมริกาด้วยความมุ่งหมาย ที่จะกระตุ้นภาวะเศรษฐกิจที่ตกต่ำมาอย่างยาวนานช่วงหลังที่สหรัฐฯ พ่ายแพ้ต่อสงครามเวียดนาม แต่เรแกนประสบความล้มเหลวเพราะผู้ที่ได้รับผลประโยชน์ในการขายอาวุธในสงครามดังกล่าวกลายเป็นสหภาพโซเวียตไม่ใช่บริษัทผลิตอาวุธของสหรัฐอเมริกาแต่อย่างใด ซึ่งยิ่งเพิ่มสภาวะเศรษฐกิจตกต่ำของสหรัฐอเมริกาให้มีความรุนแรงมากขึ้นโดยลำดับ ครั้นเมื่อประธานาธิบดี จอร์จ บุช ได้ขึ้นดำรงตำแหน่งแทนจึงได้วางแผนอย่างดีที่จะใช้กิจกรรมทางการสงครามในการแก้วิกฤตเศรษฐกิจอีกครั้ง ซึ่งครั้งนี้สหรัฐฯ ประสบความสำเร็จอย่างสูงในการแก้ปัญหาเศรษฐกิจ บุช ได้ใช้ประเทศที่ร่ำรวยที่สุดสองประเทศในตะวันออกกลางคือประเทศคูเวตและอิรักเป็นตัวแสดงละครแล้วสร้างเกมเพื่อที่จะเข้าครอบครองประเทศต่าง ๆ ทั่วทั้งภูมิภาคในเวลาต่อมา สิ่งที่สังคมโลกยังไม่เคยพบเห็นและไม่ได้รู้จักอันเป็นผลประโยชน์ที่ประเทศสหรัฐฯ และอังกฤษได้รับหลังสงครามอ่าวเปอร์เซียเมื่อปี ๒๕๓๔ (๑๙๙๑) ที่ผ่านมานั้น คือ

การเข้าครอบครองหุ้นส่วนของบรรษัทพลังงานปิโตรเลียมทั่วทั้งภูมิภาคตะวันออกกลางได้ถึง ๙ ใน ๑๐ ของหุ้นส่วนทั้งหมดนั่นหมายถึงการบรรลุถึงผลประโยชน์ทางด้านเศรษฐกิจซึ่งใช้เกมการสร้างสงครามทางทหารเพื่อที่จะบรรลุเป้าหมายทางด้านเศรษฐกิจ ( เกมเช่นนี้ทางทหารนอกจากใช้หลักการในตำราพิชัยสงคราม ซุน วู แล้ว ที่ใช้กันอย่างกว้างขวางมากที่สุดในโลกโดยเฉพาะประเทศมหาอำนาจทั้งหลายคือหลักการของตำราพิชัยสงคราม ๓๖ กลยุทธ์ ) หลังจากที่สหรัฐฯบรรลุเป้าหมายทางเศรษฐกิจของตนแล้ว เป้าหมายอื่น ๆ ในระยะยาวที่สหรัฐฯ และพันธมิตรต้องการคือ การเข้าครอบครองภูมิภาคตะวันออกกลางทั้งภูมิภาค จะเห็นได้ว่า กลยุทธ์ “ แบ่งแยกแล้วปกครอง” ได้ถูกนำมาใช้ทันทีแล้วความแตกแยกในตะวันออกกลางก็เกิดขึ้นอีกครั้งหนึ่ง ความหวาดระแวงต่ออำนาจของอิรักก็เกิดขึ้นทั่วไปจึงทำให้ประเทศในภูมิภาคตะวันออกกลางแข่งขันกันสะสมอาวุธเพื่อที่จะใช้ในการป้องกันตนเองจากการรุกรานของอิรักที่ได้ถูกสร้างขึ้นโดยสหรัฐอเมริกาให้เป็นประเทศผู้รุกราน ที่สำคัญอีกประการหนึ่งคือ การที่สหรัฐฯ ได้ประสบความสำเร็จในการวางรากฐานอย่างแน่นหนา ในการช่วยเหลืออิสราเอลให้ต่อสู้กับประเทศในตะวันออกกลางที่ล้อมรอบอยู่ได้อย่างไม่เพลี่ยงพล้ำ ในส่วนของวิกฤตการณ์ทางด้านเศรษฐกิจที่เกิดขึ้นในเอเชียเมื่อปี ๒๕๔๐ (๑๙๙๗) นั้น แท้ที่จริงแล้วเป็นการสร้างสถานการณ์ที่มีการวางแผนมาแล้วอย่างละเอียดรอบคอบ สหรัฐฯ เตรียมการเป็นระยะเวลาอันยาวนานที่จะเข้าครอบครองเศรษฐกิจของเสือเศรษฐกิจในเอเชีย

โดยเฉพาะอย่างยิ่งในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ การส่งขุนพลการสงครามทางด้านการเงินของสหรัฐฯ เข้ามาเตรียมการไว้ตั้งแต่เนิ่นอย่างเช่น “ จอร์จ โซรอส” ซึ่งได้เข้ามาทำธุรกิจในเอเชียเป็นเวลานานแล้วได้ปูพื้นฐานในการตั้งบรรษัทขนาดใหญ่ไว้เป็นจำนวนมาก จนกระทั่งครอบคลุมธุรกิจทุกอย่างในภูมิภาค โดยเฉพาะอย่างยิ่งในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้และในประเทศไทย ได้มีการทุ่มเงินซื้อหุ้นของบริษัทที่มีชื่อสำคัญในภูมิภาคเข้าไว้ในอาณัติของตน และในที่สุดการสร้างวิกฤตก็เกิดขึ้นโดยเริ่มต้นที่ประเทศไทยแล้วขยายตัวออกไปยังประเทศต่างๆ ในภูมิภาคและทั่วทั้งทวีปในที่สุด มีนักวิเคราะห์ทั่วโลกจำนวนมากประมาณกันว่า ในช่วงวิกฤตเศรษฐกิจในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ มีเงินไหลเข้าสหรัฐฯ มีจำนวนสูงถึง ๗๐๐ พันล้านเหรียญสหรัฐฯ หรือประมาณ ๒๘,๐๐๐,๐๐๐ ล้านบาท แต่ก็เป็นที่น่าเสียดายที่เมื่อ เกิดวิกฤตเศรษฐกิจในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้แล้ว วิกฤตการณ์นั้นได้แพร่ขยายผลไปทั่วโลกแม้กระทั่งสหรัฐอเมริกาเอง ก็ได้รับผลกระทบอย่างรุนแรงในเวลาต่อมาเช่นกัน

๒) ประธานาธิบดีและรัฐบาลกลางของสหรัฐอเมริกาประสบกับวิกฤตความนิยมลดลงต่ำที่สุดตั้งแต่เคยมีมา ในประวัติศาสตร์การเมืองสหรัฐอเมริกา ตามที่รัฐบาลของประธานาธิบดี จอร์จ ดับเบิ้ลยู บุช เข้ารับตำแหน่งและได้ประกาศนโยบายหลายเรื่องซึ่งไม่สามารถที่จะแก้ปัญหาวิกฤตเศรษฐกิจของชาวอเมริกันได้ จึงทำให้ประธานาธิบดีและรัฐบาลของเขาได้รับการประเมินจากชาวอเมริกันว่าเป็นประธานาธิบดีและรัฐบาลที่ได้รับความนิยมจากประชาชนชาวอเมริกันต่ำที่สุดในประวัติศาสตร์การเมืองของสหรัฐอเมริกาคือลดต่ำลงเหลือเพียง ๔๐ % เท่านั้น

๓) วิกฤตเศรษฐกิจรอบใหม่กำลังเข้ามาเยือนสหรัฐฯ ซึ่งจะร้ายแรงอย่างที่ไม่เคยมีมาก่อน จากเอกสารการประเมินด้านเศรษฐกิจของ IMF และ WTO ทราบว่า ในอีกประมาณ ๑๒ เดือนนับตั้งแต่ก่อนที่จะเริ่มวางแผนในการถล่มตึกเวิร์ลด์เทรดเซ็นเตอร์โดยสหรัฐฯ เอง ซึ่งวิกฤตเศรษฐกิจรอบนี้จะเป็นรอบที่มีความร้ายแรงยิ่งกว่าครั้งใดๆที่เคยมีมาก่อน กับอีกทั้งเมื่อเศรษฐกิจของสหรัฐฯ ตกต่ำเศรษฐกิจของประเทศที่เป็นคู่แข่งทางยุทธศาสตร์อย่างเช่น จีน กลับดีวันดีคืน ด้วยสาเหตุอันนี้ทำให้สหรัฐฯ จำเป็นที่จะต้องหามาตรการใด ๆ ก็ตามที่จะสามารถหยุดยั้งวิกฤตเศรษฐกิจอันจะเกิดขึ้นให้ได้ ในขณะเดียวกันก็สามารถที่จะหยุดยั้งการเจริญเติบโตทางด้านเศรษฐกิจของฝ่ายตรงข้ามด้วย

๔) ข้อมูลลับสุดยอดของสหรัฐฯ ถูกกลุ่มนักแฮกเกอร์เข้าถึงและขโมยข้อมูลนั้นไป หน่วยข่าวกรองของสหรัฐฯรายงานต่อรัฐบาลกลางว่า เครือข่ายข้อมูลลับสุดยอดของสหรัฐฯ ถูกกลุ่มนักแฮกเกอร์เข้าถึงและข้อมูลบางส่วนถูกจารกรรมไป ซึ่งหน่วยงานสำคัญดังกล่าวนั้น รวมทั้งข้อมูลของ CIA , NSA , NORAD ระบบเรดาร์ของระบบการรักษาความปลอดภัยในกรุงวอชิงตัน ดี.ซี. กรุงนิวยอร์ก เพนซิลเวเนีย ระบบข้อมูลทางด้านการเงินต่างๆ รวมทั้งเครือข่ายข้อมูลในแคมป์เดวิดด้วย

๕) สหรัฐอเมริกากำลังถูกฟ้องร้องให้ตกเป็นจำเลยฐานการใช้ “ Depletion Uranium Weapon ( DU )” ที่มีผลต่อการเจ็บป่วยจำนวนมากในสงครามโคโซโว จากยอดทหารของยูโกสลาเวียจำนวนถึง ๑๐,๐๐๐ นาย ต้องทนทุกข์ทรมานด้วยการเป็นโรคมะเร็งอันเนื่องจากการใช้อาวุธดังกล่าวข้างต้นของสหรัฐอเมริกาเข้าทำลายล้างในช่วงสงครามโคโซโว ในจำนวนนี้ ๓,๐๐๐ นายต้องเสียชีวิตเพราะโรคมะเร็ง ด้วยโศกนาถกรรมเช่นนี้ ทหารนาโต้ที่เข้าร่วมปฏิบัติการในสงครามดังกล่าวด้วยก็มีอาการเช่นเดียวกัน จำนวนทหารของประเทศสมาชิกนาโต้ที่เสียชีวิต ด้วยอาการที่คล้ายกันประกอบด้วย ทหารเบลเยี่ยม ๕๐ นาย สเปน ๒๐ นาย โปรตุเกส ๒๐ นาย และสาธารณรัฐเช็ก จำนวน ๑๐ นาย และทหารที่เข้าร่วมในสงครามโคโซโวล้วนแต่ต้องทนทุกขเวทนาด้วยโรคดังกล่าวโดยทั่วหน้ากัน

๖) กลุ่มอิทธิพลต่าง ๆ ในสหรัฐฯ กำลังกดดันรัฐบาลอย่างหนักเพื่อที่จะให้รัฐบาลแก้ปัญหาที่กลุ่มของตนกำลังประสบอยู่ในขณะนั้น อันประกอบด้วยกลุ่มใหญ่ ๆ ดังต่อไปนี้
( ๑ ) Crusader Group ซึ่งประกอบด้วย
- ACA ( American Conservative Association )
- IG ( Independent Group ) ซึ่งเป็นกลุ่มชาวอเมริกันอนุรักษ์นิยมและกลุ่มนิยมฝ่ายซ้าย
- กลุ่มนักธุรกิจชาวอเมริกัน อันเป็นกลุ่มที่สนับสนุนทางด้านการเงินที่สำคัญให้กับรัฐบาลสหรัฐอเมริกาในสมัยประธานาธิบดี จอร์จ ดับเบิ้ลยู. บุช และได้ให้การสนับสนุนทางด้านการเงินกับพรรครีพับลิกันมาโดยตลอดด้วย
( ๒) กลุ่มต่อต้านโลกาภิวัตน์ ( Anti-Globalization Groups ) กลุ่มดังกล่าวเป็นกลุ่มที่มีอิทธิพลระดับนานาชาติ มีเครือข่ายการเคลื่อนไหวไปทั่วโลก และได้รับการประเมินจาก CIA ของสหรัฐฯ ว่าเป็นกลุ่มที่อยู่นอกการควบคุมของรัฐบาลสหรัฐฯ และเป็นภัยต่อสหรัฐอเมริกาด้วยนอกจากนั้นแล้วกลุ่มดังกล่าวยังได้มีอิทธิพลต่อประชาคมโลก ด้วยการเคลื่อนไหวในรูปแบบต่าง ๆ อิทธิพลของกลุ่มดังกล่าวได้ครอบคลุมไปถึงการครอบครองนักแฮกเกอร์ระดับสุดยอดของโลกจำนวนมากที่สามารถจะเจาะเข้าไปยังข้อมูลลับของประเทศใด ๆ ก็ได้ และนี่คือภัยต่อระบบการรักษาความปลอดภัยทางข่าวสารของสหรัฐอเมริกาที่ใหญ่ที่สุด

๒. ปัญหาจากสหภาพยุโรป

๑) เงินยูโรดอลลาร์ได้ถูกตั้งขึ้นอย่างเป็นทางการโดยกลุ่มประเทศสหภาพยุโรปเมื่อปี ๒๕๓๓ (๑๙๙๐) ตามตารางของการปล่อยเงินยูโรดอลลาร์ออกสู่ตลาดการเงินของโลกแล้ว เงินยูโรดอลลาร์จะมีการทดลองใช้ครั้งแรกในยูโรโซนปี ๒๕๔๒ (๑๙๙๙) และในปี ๒๕๔๔-๒๕๔๕ (๒๐๐๑ – ๒๐๐๒) จะมีการทดลองปล่อยเงินออกสู่ตลาดการเงินของโลก และห้วงสุดท้ายคือในปี ๒๕๔๖- ๒๕๔๙ ( ๒๐๐๓ – ๒๐๐๖) จะเป็นการปรับค่าเงินยูโรครั้งสุดท้ายแล้วปล่อยออกสู่ตลาดโลกอย่างเป็นทางการ
๒) เงินยูโรดอลลาร์เป็นเงินจริงที่มีค่าจริงและมีทองคำสำรองและมีระบบเศรษฐกิจที่เข้มแข็งของกลุ่มสหภาพยุโรป เป็นฐานรองรับค่าเงิน ในขณะเดียวกัน เงินดอลลาร์สหรัฐฯ เป็นเงินปลอมที่มีการพิมพ์ด้วยกระดาษเปล่าโดยที่ไม่มีทองคำสำรองและไม่มีค่าทางเศรษฐกิจใด ๆ รองรับค่าเงินซึ่งสหรัฐฯ ผลิตเงินออกสู่ตลาดโลกได้ตามความพอใจ ซึ่งผู้ผลิตเงินนี้มาโดยตลอดคือ Federal Reserve Bank ( FED) ซึ่งเป็นกลุ่มเศรษฐกิจใหญ่ประกอบด้วย ๘ ตระกูล ที่ร่ำรวยที่สุดในสหรัฐอเมริกาที่ครอบครองเศรษฐกิจของสหรัฐฯ อยู่ในขณะนี้
๓) สหรัฐอเมริกาจะต้องเผชิญกับวิกฤตการณ์ครั้งใหญ่อันเกิดจากอิทธิพลของเงินยูโรดอลลาร์ การที่ความเป็นมาของเงินทั้งสองตระกูลคือเงินยูโรดอลลาร์และเงินดอลลาร์สหรัฐฯ ถ้าต้องต่อสู้กันในตลาดการเงินของโลกแล้ว ผู้ที่เสียเปรียบคือเงินดอลลาร์ของสหรัฐฯ อย่างไม่ต้องสงสัย เมื่อเงินยูโรดอลลาร์ขยายตัวออกสู่ตลาดโลกอย่างเสรีไม่มีขีดจำกัด นั่นแสดงถึงการเป็นตัวแทนในการแสดงแสนยานุภาพทางด้านเศรษฐกิจของกลุ่มประเทศสหภาพยุโรปซึ่งเข้มแข็งมากอย่างที่เป็นที่ทราบกันดีอยู่แล้ว ในขณะที่เงินดอลลาร์สหรัฐฯ เป็นเงินที่แพร่กระจายไปทั่วโลกอยู่แล้วซึ่งเป็นเงินที่ครอบครองตลาดการเงินของโลกอยู่เดิม แต่เป็นเงินทีไม่ได้มีค่าเงินจริงเป็นเพียงแค่เงินปลอมที่ผลิตขึ้นมาด้วยกระดาษและตัวเลขโดยใช้อิทธิพลของการเป็นมหาอำนาจสหรัฐฯ เป็นฐานรองรับและเรื่องค่าของเงินเป็นเรื่องของความเชื่อถือเท่านั้น ถ้าเมื่อใดก็ตามประชาคมโลกได้รับรู้ข้อมูลความจริงเหล่านั้นและมีทางเลือกอย่างเงินยูโรดอลลาร์ที่เป็นเงินที่มีค่าจริง ตลาดการเงินของโลกย่อมที่จะต้องยอมรับเงินยูโรดอลลาร์ มากกว่าเงินดอลลาร์สหรัฐฯ อย่างไม่ต้องสงสัย และเมื่อนั้นเงินดอลลาร์สหรัฐฯ ก็จะไหลกลับถิ่นฐานเดิมของตนคือ ประเทศสหรัฐฯ ปรากฏการณ์ที่เรียกว่าเศรษฐกิจฟองสบู่ขนาดใหญ่ที่สุดในโลกยุคนี้ตามหลักของวิชาเศรษฐศาสตร์ก็จะเกิดขึ้น เมื่อฟองสบู่แตกนั่นคืออวสานของจักรวรรดิสหรัฐแห่งอเมริกาที่มีอายุยืนยาวมาแล้วมากกว่า ๒๐๐ ปี นี่คือความกลัวของสหรัฐอเมริกา

๓. ปัญหาอันเกิดจากจีน

๑) จีนประสบความสำเร็จอย่างสูงยิ่งต่อการที่จะได้รับเข้าเป็นสมาชิกองค์กรการค้าโลก ( WTO ) ตั้งแต่ปี ๒๕๔๔ (๒๐๐๑) เป็นต้นไป หลังจากที่ประเทศจีนได้มีนโยบายปฏิรูปและเปิดประเทศที่รู้จักกันในนาม “ Reform and opening up policy” เศรษฐกิจของจีนก็เติบโตด้วยอัตราที่สูงที่สุดในโลกมาอย่างต่อเนื่อง โดยเฉพาะอย่างยิ่งในช่วงที่จีนได้รับการยอมรับให้เข้าเป็นสมาชิกขององค์กรการค้าโลกด้วยแล้วยิ่งจะทำให้จีนเป็นประเทศที่มีขนาดเศรษฐกิจที่ใหญ่ที่สุดในโลกในระยะเวลาอันสั้น ด้วยเหตุนี้ ความเป็นมหาอำนาจของจีน ที่เริ่มเห็นแววมาตั้งแต่ต้นจะเข้ามาแทนที่ความเป็นมหาอำนาจของสหรัฐอเมริกาอย่างไม่ต้องสงสัย ดังนั้นจีนจึงได้รับการประเมินว่าเป็นภัยคุกคามอันดับหนึ่งในทุก ๆ ด้านของสหรัฐอเมริกา
๒) อิทธิพลของจีนจะเข้ามาแทนที่อิทธิพลของสหรัฐฯ ในทุกภูมิภาคของโลก อันเป็นผลสืบเนื่องมาจากที่จีนได้ใช้นโยบายปฏิรูปและเปิดประเทศและตามมาด้วย “ นโยบาย ๕ ข้อแห่งการอยู่ร่วมกันอย่างสันติ” ซึ่งโดยเนื้อหาแล้ว เป็นการสร้างความไว้เนื้อเชื่อใจของประชาคมโลกที่มีต่อจีน และเป็นที่ประจักษ์ต่อสายตาของชาวโลกแล้วว่า หลังจากทั้งสองนโยบายดังกล่าวได้ออกมาสู่สายตาของชาวโลกทำให้ชาวโลกไม่ได้เห็นภัยที่เกิดขึ้นจากจีน ตรงกันข้ามกับสหรัฐอเมริกาที่มีนโยบายทั้งทางลับและเปิดเผยที่ไม่ได้ตรงกับที่ตนประกาศไว้แต่มุ่งเน้นผลประโยชน์ของชาติตนเป็นหลักจนทั่วโลกกล่าวขานกันเป็นเสียงเดียวกันตามที่จีนกล่าวคือ สหรัฐฯ ยึดถือนโยบายการแสดงอำนาจบาตรใหญ่ ( Hegemony ) คือเที่ยวข่มเหงรังแกประเทศเล็กประเทศน้อยเพื่อแสวงหาประโยชน์แห่งตนตามอำเภอใจ หน้าฉากคือพันธมิตรหลังฉากคือศัตรูที่คอยหักหลังพันธมิตรอยู่ตลอดเวลา การที่จีนได้รับความเชื่อถือมากขึ้นดังที่เห็นได้จากที่มีการสร้างความสัมพันธ์กับประเทศทุกภูมิภาคในโลกของจีน และสัมพันธภาพระหว่างประเทศเหล่านั้นก็ดำเนินไปด้วยดีอย่างเท่าเทียม ประเทศต่าง ๆ ที่มีแนวโน้มคล้อยตามในการที่จะเป็นพันธมิตรที่แนบแน่นกับจีนประกอบด้วย ประเทศในกลุ่มอาเซียน ประเทศในกลุ่มเอเชีย- แปซิฟิก ประเทศตะวันออกกลาง ประเทศในทวีปอัฟริกา ประเทศรัสเซีย ประเทศในกลุ่มสมาชิกสหภาพยุโรป แม้กระทั่งประเทศญี่ปุ่นที่เคยเป็นศัตรูคู่อาฆาตกับจีนมานานก็ยังมีแนวโน้มที่จะมาญาติดีกับจีนมากขึ้นกว่าเดิม นี่คืออิทธิพลที่จีนค่อยขยายออกไปแทนที่สหรัฐฯ ในทุกภูมิภาคของโลกอย่างแท้จริง
๓) จีนจะเป็นมหาอำนาจหนึ่งเดียวในอีก ๑๐ – ๒๐ ปีข้างหน้า จากการที่ IMF, WTO ,WB และนักวิเคราะห์สถานการณ์โลกได้ลงมติเป็นไปในแนวทางเดียวกันคือจีนจะเป็นมหาอำนาจหนึ่งเดียวของโลกในอีก ๑๐ - ๒๐ ปี ข้างหน้าแทนที่สหรัฐอเมริกา จากหนังสือเรื่อง Power Transition ของ Kugler ได้คาดการณ์ถึงการที่จะมีการเคลื่อนย้ายทางอำนาจของมหาอำนาจจากสหรัฐฯ ในปัจจุบันไปเป็นจีนและประเทศอื่น ๆ โดยเฉพาะอย่างยิ่งจีน จะมีขนาดเศรษฐกิจที่ใหญ่กว่าสหรัฐอเมริกาในปี ๒๐๒๕ และในปี ๒๐๕๐ ขนาดเศรษฐกิจของจีนจะใหญ่เท่ากับสหรัฐอเมริการวมกันกับกลุ่มประเทศยูโร ซึ่งแนวโน้มเหล่านี้มีความเป็นไปได้สูงมาก นอกจากนั้นแล้วหลังจากที่ประธานาธิบดีจอร์จ ดับเบิ้ลยู. บุช ได้เข้ารับตำแหน่งใหม่ ๆ ได้มอบหมายให้เพนตากอนทำการวิจัยถึงประเทศที่จะมีอำนาจท้ายสหรัฐฯ ใน ๑๐ – ๑๕ ปีข้างหน้า ผลออกมาชัดเจนว่าเป็นจีนซึ่งเป็นอันดับหนึ่ง อันดับที่ ๒ คือ อินเดีย ด้วยเหตุผลดังกล่าวข้างต้นแล้ว สหรัฐฯ จึงได้กำหนดแผนงานขนาดใหญ่ขึ้นมาเพื่อที่จะแก้ปัญหาทั้งปวง ดังที่กล่าวมาแล้วอย่างเบ็ดเสร็จ และได้กำหนดกลุ่มงานขึ้นมา ๒ กลุ่มงานคือ
๑) การทำลายความแข็งแกร่งของค่าเงินยูโรดอลลาร์
๒) การปิดล้อม แบ่งแยกแล้วย่อยสลายจีน

ผลที่สหรัฐอเมริกาได้รับหลังจากสร้างสถานการณ์กรณี ๑๑ กันยายน ๒๕๔๔ แล้วมีดังนี้
๑) สามารถที่จะนำประเทศของตนให้รอดพ้นจากวิกฤตการณ์ทั้งหลายที่ประดังเข้ามาก่อนที่จะสร้าง“เหตุการณ์ ๑๑ กันยายน” และหลังจากที่ เหตุการณ์ดังกล่าวได้สร้างขึ้นแล้ว จากหลักฐานดังที่แสดงไว้แล้วในตอนต้น วิกฤตการณ์ของสหรัฐอเมริกาประกอบไปด้วยวิกฤตทางเศรษฐกิจ วิกฤตทางการเมืองที่มีทั้งการเมืองภายในและการเมืองในระดับนานาชาติ วิกฤตทางด้านความมั่นคงปลอดภัยแต่วิกฤตที่ใหญ่ที่สุดในบรรดาวิกฤตทั้งหลายคือวิกฤตการณ์ทางเศรษฐกิจ
๒) สามารถที่จะลดความแข็งแกร่งทางเศรษฐกิจของสองเสือเศรษฐกิจของโลกที่เป็นคู่แข่งอันฉกาจฉกรรจ์ของสหรัฐฯ คือ จีนกับสหภาพยุโรป จีนจะแสดงบทบาทที่โดดเด่นในสังคมของประชาคมโลกในอีกไม่กี่ปีข้างหน้าและความเป็นมหาอำนาจหนึ่งเดียวของสหรัฐฯ จะถูกแทนที่ด้วยอิทธิพลของจีนในทุก ๆ ปัจจัยตามที่นักวิเคราะห์สถานการณ์โลกได้รายงานไว้เงินยูโรดอลลาร์ได้ถูกประเมินว่าเป็นภัยคุกคามหลักต่อเงินดอลลาร์สหรัฐฯ ในตลาดการเงินโลก ตามที่ทราบกันดีว่าเงินดอลลาร์สหรัฐฯ เป็นเงินที่ไม่ได้สร้างด้วยการรองรับของเศรษฐกิจจริงหรือทรัพย์สินจริงดังที่หลักสากลยอมรับกัน ดังนั้นเงินดอลลาร์สหรัฐฯ จึงเป็นเงินปลอมตามความเป็นจริง ในทางตรงกันข้าม เงินยูโรดอลลาร์จะมีค่าที่แข็งขึ้น เนื่องจากมีทองคำสำรองและมีเศรษฐกิจจริงที่มีความแข็งแกร่งของกลุ่มสหภาพยุโรปรองรับค่าเงิน ฉะนั้นเงินดอลลาร์สหรัฐฯ จึงจะค่อย ๆ ถูกผลักให้ไหลกลับไปยังแหล่งกำเนิดของตนโดยอิทธิพลของเงินยูโรดอลลาร์และฟองสบู่ขนาดมหึมาจะเกิดขึ้นกับระบบเศรษฐกิจของสหรัฐอเมริกาและจุดจบของจักรวรรดิสหรัฐแห่งอเมริกาก็จะปรากฏขึ้นอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้
๓) ประสบความสำเร็จในการควบคุมระดับความสัมพันธ์ของสองประเทศมหาอำนาจชั้นรองคือความสัมพันธ์ระหว่างจีนกับรัสเซีย
๔) สามารถที่จะดำรงสภาพความมั่งคั่งของสหรัฐอเมริกาไปได้อีกยาวนาน จากสถานการณ์ก่อนหน้านี้ สหรัฐฯประสบความสำเร็จในการครอบครองเศรษฐกิจโลกโดยการใช้สงครามเศรษฐกิจเป็นเครื่องมือ หลังจากได้สร้าง ๒ เหตุการณ์ขึ้นแล้วทำให้สหรัฐฯ สามารถเข้าครอบครองแหล่งทรัพยากรธรรมชาติทั้งสิ้นจากประเทศมุสลิมได้อย่างมั่นคงรวมทั้งกลุ่มประเทศต่าง ๆ ในทวีปอัฟริกา ที่สำคัญคือการเข้าครอบครองแหล่งแรงงานขนาดใหญ่ที่สุดในโลกได้อย่างจีนเพื่อที่จะนำไปกระตุ้นระบบเศรษฐกิจของสหรัฐอเมริกาให้ฟื้นคืนชีพขึ้นมาอีกครั้งหนึ่ง
๕) สหรัฐฯ สามารถที่จะดำรงความสัมพันธ์อย่างแน่นแฟ้นกับกลุ่มครูเสดได้อีกครั้งหนึ่ง ( Crusader Groups) กลุ่มครูเสด เป็นกลุ่มที่มีอิทธิพลสูงยิ่งต่อรัฐบาลกลางของสหรัฐอเมริกาและมีอิทธิพลอย่างยิ่งต่อเสถียรภาพของรัฐบาลด้วย กลุ่มครูเสดเป็นกลุ่มที่เกิดขึ้นจากการสนับสนุนของ FED ซึ่ง FED เป็นกลุ่มที่ตั้งขึ้นโดย ๘ ตระกูลคาทอลิกที่ร่ำรวยที่สุดในยุโรปและอเมริกาซึ่งครอบครองธุรกิจขนาดยักษ์ ๖ กลุ่มธุรกิจซึ่งเป็นบรรษัทข้ามชาติทั้งในสหรัฐอเมริกาและทั่วโลก ที่เป็นสาขาของสหรัฐอเมริกา และ FED เป็นผู้สร้าง CIA เพื่อให้สามารถที่จะรักษาผลประโยชน์ทางด้านเศรษฐกิจของตนในทั่วทุกมุมโลก ( พุทธวิทยาเพื่อการปฏิวัติ ,เอกสารประกอบการบรรยายและฝึกแก้ปัญหาฝ่ายเสนาธิการโรงเรียนกิจการพลเรือนทหารบก กรมกิจการพลเรือนทหารบก )
๖) บรรลุเป้าหมายในการอ้างความชอบธรรมในการส่งกำลังทหารและเจ้าหน้าที่ที่มีความสำคัญรวมทั้งเจ้าหน้าที่ทั้งปวงของสหรัฐฯ ในการรักษาผลประโยชน์ของตนในทั่วทุกภูมิภาคของโลก ตามที่ทราบกันโดยทั่วไปแล้วว่า ผลประโยชน์ของสหรัฐอเมริกามีอยู่ทั่วโลกโดยเฉพาะอย่างยิ่งผลประโยชน์ทางด้านเศรษฐกิจและผลประโยชน์ทางด้านยุทธศาสตร์สหรัฐฯ ต้องการอย่างยิ่งยวดเพื่อที่จะให้สถานการณ์ต่าง ๆ อยู่ในสภาพที่สามารถควบคุมได้โดยองค์กรต่าง ๆ ที่สหรัฐฯได้ส่งออกไปแล้วในช่วงของการทำ “ สงครามต่อต้านการก่อการร้าย”
ข้อสังเกตเพิ่มเติมเกี่ยวกับเรื่องการครองอำนาจที่มีอยู่เดิมของสหรัฐอเมริกา จากหนังสือเรื่อง Hegemony of a new type ซึ่งเขียนโดย Bezezinski โดยเนื้อหาแล้วกล่าวถึงเรื่องความเป็นเจ้าของสหรัฐฯ ที่เป็นเจ้าโลกอย่างแท้จริง ซึ่งไม่เคยปรากฏมาก่อนที่อิทธิพลของประเทศสหรัฐฯ จะมากมายเท่านี้และในอดีตก็ยังไม่มีประเทศใดมีอิทธิพลมากมายมาก่อน ซึ่งครอบคลุมไปทั่วทุกภูมิภาคของโลก ทหาร ครึ่งหนึ่งของงบประมาณของทหารของโลกทั้งหมด ในปัจจุบันนี้ ๔๐๐,๐๐๐ ล้านเหรียญ เป็นงบประมาณทางทหารของสหรัฐฯ ( ๒๕๔๗ ) เมื่อเทียบกับ GDP ของไทย ปัจจุบัน ๑๐๐,๐๐๐ ล้านเหรียญเท่านั้นเอง

สหรัฐฯ จะต้องครองความเป็นเจ้า ๔ มิติ
ทหาร : สหรัฐฯ มีการวางกำลังทหารเพื่อควบคุมพื้นที่ต่าง ๆ ทั่วทุกภูมิภาคของโลก สหรัฐฯ เป็นประเทศที่มีพลังอำนาจเหนือประเทศอื่น ๆ ทั่วโลก
เศรษฐกิจ : GDP ใหญ่เป็นครึ่งหนึ่งของเศรษฐกิจโลก ในปัจจุบันร้อยละ ๓๐ หรือประมาณ ๑๐ ล้านล้านเหรียญ ซึ่งเมื่อเทียบกับไทยของไทยเป็นเพียงร้อยละ ๑ ของสหรัฐฯ
เทคโนโลยี : การวิจัยพัฒนาด้านเทคโนโลยีทุก ๆ ด้านของสหรัฐฯ มีความก้าวหน้ากว่าประเทศอื่น ๆ อย่างเห็นได้ชัด
วัฒนธรรม : ประเทศต่าง ๆ ยอมรับวัฒนธรรมของสหรัฐฯ อย่างเต็มใจ เช่น Mass Culture ๓ใน ๔ ของตลาดหนัง มาจากสหรัฐฯ ซึ่งแทรกความเป็นฮีโรของสหรัฐฯ ตลอดเวลา ซึ่งทำให้สหรัฐฯ เข้าครอบงำทางวัฒนธรรมของสหรัฐฯอยู่ตลอดเวลา เช่น ภาพยนตร์ , ภาษา ,อาหาร ,การแต่งกาย , การเมือง , ระบบเศรษฐกิจ , วิชาความรู้ , อินเตอร์เน็ต , สหรัฐฯ ได้สร้างสถาบันการยอมรับจากทั่วโลก เช่น UN , IMF ,WB , WTO ….จะเห็นได้ว่าที่ผ่านมาสหรัฐฯ ได้ครองความเป็นเจ้าครองความยิ่งใหญ่เหนือประเทศใด ๆ ในโลกมาโดยตลอด
ฉะนั้นการที่จะสูญเสียอำนาจด้านใด ๆ ไปจึงเป็นสิ่งที่สหรัฐฯ ทำใจไม่ได้และจะยอมไม่ได้อย่างแน่นอน จึงจำเป็นที่สหรัฐฯ จะต้องหาวิธีการในการป้องกันตำแหน่งอันดับหนึ่งของตนเองไว้ให้ยาวนานที่สุดให้ได้ ไม่ว่าจะด้วยกิจกรรมใด ๆ ก็ตาม ในฐานะที่ผู้เขียนเองได้ศึกษาเรื่องเกี่ยวกับสหรัฐอเมริกาและประเทศมหาอำนาจ ที่มีนโยบายอันกระทบต่อความมั่นคงของประเทศไทยมายาวนาน ผู้เขียนจึงได้รับทราบข้อมูลที่เป็นประโยชน์ จำนวนมากในเรื่องนี้จาหลาย ๆ ฝ่าย ทั้งโดยตรงและโดยอ้อมก็ตาม โดยเฉพาะผู้เขียนเองมีญาติสนิทที่เคยทำงาน เกี่ยวข้องกับข้อมูลต่าง ๆเหล่านี้ในสหรัฐอเมริกามาไม่ต่ำกว่า ๒๐ ปี ที่ได้สัมผัสทั้งสังคมอเมริกัน สัมผัสทั้งองค์กรการเมืองในระดับสูงของสหรัฐอเมริกา การได้เป็นเจ้าหน้าที่ในระดับสูงขององค์กร ซีไอเอ การได้ดำรงตำแหน่ง ในฐานะผู้ปรึกษาระดับสูงของอดีตประธานาธิบดีสหรัฐอเมริกามาแล้ว ประกอบกับการสอบทานข้อมูลกับหลาย ๆ ฝ่าย ทำให้ข้อมูลทั้งหลายมีความถูกต้องตรงกันและสามารถที่จะคาดคะเนกิจกรรมอันจะเกิดขึ้นจากการกระทำของประเทศมหาอำนาจต่าง ๆ ได้ถูกต้องแม่นยำได้ ทำให้ข้อมูลที่ผู้เขียนได้นำมากล่าวในหนังสือเล่มนี้สามารถอธิบายปรากฏการณ์และเหตุการณ์ต่าง ๆ ที่เกิดขึ้นได้ทุกเหตุการณ์ และมีหลักฐานสนับสนุนคำกล่าวทั้งหมดที่ผู้เขียนนำมากล่าวในหนังสือเล่มนี้ด้วย
๗) ประสบความสำเร็จอย่างยิ่งในการทำลายจีนโดยแผน “ ปิดล้อม ,แบ่งแยกและย่อยสลายจีน”โดยสหรัฐอเมริกา ( รายละเอียดทั้งสิ้นดูได้จากเอกสารวิจัย เรื่องการใช้หลักการตามตำราพิชัยสงคราม ซุน วู
วิเคราะห์“เหตุการณ์ ๑๑ กันยายน ๒๕๔๔” และ “สงครามต่อต้านการก่อการร้าย” นักศึกษาหลักสูตรความมั่นคงรุ่นที่ ๑๑ มหาวิทยาลัยป้องกันประเทศ กองทัพปลดปล่อยประชาชนจีนระหว่าง ก.ย. ๒๕๔๕ – ก.ย.๒๕๔๖ :
http://ARTAMART.FreeWeb-Hosting.com )

โดยสรุปเหตุการณ์ ๑๑ กันยายน ๒๕๔๔ ที่ผู้ก่อการร้ายถล่มตึกเวิร์ลด์เทรด เซ็นเตอร์ เป็นการสร้างเหตุการณ์ขึ้นของสหรัฐฯ โดยการสร้างเหตุการณ์จูงใจให้ประชาคมโลกไปสนใจในสิ่งที่สหรัฐฯ ต้องการให้สนใจ เมื่อประชาคมโลกให้ความสนใจและคล้อยตามสหรัฐฯ ก็จะใช้มาตรการอื่น ๆ ให้ทุกประเทศในโลกถลำตัวมากยิ่งขึ้น บางครั้งก็ใช้ความเป็นมหาอำนาจบังคับให้ประเทศต่าง ๆ ทำตามที่สหรัฐฯ ต้องการในกิจกรรมนั้น จะเห็นได้จากการที่ทุกประเทศต้องร่วมมือกับสหรัฐฯ ในการทำสงครามต่อต้านการก่อการร้ายในเวลาต่อมา ในขณะที่กิจกรรมการก่อการร้ายเป็นเพียงกิจกรรมที่ลวงชาวโลก ให้เห็นใจและคล้อยตามสหรัฐฯ แต่เป้าหมายที่แท้จริงมีหลายประการแต่ในจำนวนนั้นคือเรื่องการแก้ปัญหาของสหรัฐฯ เอง ทั้งด้านเศรษฐกิจและด้านความมั่นคง เหตุการณ์นี้จึงสามารถที่จะอธิบายตามหลักการตามกลยุทธ์ “ ปิดฟ้าข้ามทะเล” ว่าทำกิจกรรมอย่างหนึ่งให้คนสนใจเพื่อหวังผลต่อการกระทำอีกอย่างหนึ่งของตนที่ซ่อนเร้นไว้ไม่มีใครรู้นั่นเอง

กลยุทธ์นี้จึงสรุปว่า

“สำหรับเรื่องที่มีความเคยชิน มนุษย์เรามักจะปล่อยปละละเลยต่อการระมัดระวัง มิได้ป้องกันให้เข้มงวดกวดขันแท้ที่จริงนั้น สิ่งซึ่งดูเป็นธรรมดาสามัญอย่างที่สุดนั้น ก็คือที่สถิตอยู่แห่งโอกาสอันยอดเยี่ยมนั่นเอง นอกจากนั้นแล้ว การใช้กลยุทธ์นี้ในการพรางตามาปกปิดจุดประสงค์ของตนมิให้ฝ่ายตรงข้ามพบเห็นได้ง่าย เพื่อบรรลุภาระหน้าที่ที่ได้กำหนดไว้อย่างหนึ่ง ก็สามารถใช้ได้อย่างดีเลิศมาทุกยุคทุกสมัย แม้กระทั่งในสมัยปัจจุบันนี้ประเทศมหาอำนาจอย่างสหรัฐอเมริกาก็ได้นำกลยุทธ์นี้มาใช้อย่างแยบยลและได้ผลจนกระทั่งปัจจุบันนี้ประชาคมโลกก็ยังถูกสหรัฐฯ ใช้กลยุทธ์นี้พรางตาและยังไม่รู้ว่าสหรัฐฯ ใช้กลยุทธ์ปิดฟ้าข้ามทะเลเพื่อพรางตาประชาคมโลกเพื่อบรรลุผลประโยชน์ของสหรัฐฯ เอง”


source : http://www.arunsawat.com/board/index.php?topic=561.0

No comments:

Post a Comment