Saturday, 23 January 2016

การแบ่งแยกดินแดน....อดีตคือ..ติมอร์...ปัจจุบัน...เรา



บัดนี้เป็น เวลาหน้าสิ่วหน้าขวาน ผมจะไม่ขอวิจารณ์อะไรมาก ประสงค์เพียงเล่ารับใช้ผู้อ่านท่านถึง สถานการณ์ของอินโดนีเซียตอนใกล้แตก เพื่อให้ท่านทั้งหลายได้เห็นพัฒนาการ จะได้ช่วย กันแก้ไขไม่ให้ชาติของเราต้องมีอันเป็นไปเหมือนที่เกิดมาแล้วในอดีตในบ้านอื่น


เมืองอื่น 1 ในหลายสาเหตุที่กระตุ้นให้อินโดนีเซียแตกก็คือ การค้นพบแหล่งนํ้ามันและก๊าซ ธรรมชาติในช่องติมอร์ ที่เป็นอาณาบริเวณทะเลระหว่างติมอร์ตะวันออกกับออสเตรเลีย ทรัพยากรธรรมชาติตรงนี้แย่งกันเยอะ สุดท้ายในวันที่ 30 มกราคม พ.ศ. 2538 ศาลโลก ตัดสินให้ออสเตรเลียกับอินโดนีเซียมีสิทธิ์พัฒนาร่วมกัน


เรื่องการแตกแยกสลายของอินโดนีเซียนั้น ผมแปร่งๆมาตั้งแต่ พ.ศ. 2538 ตอนนั้น อินโดนีเซียแต่งตั้ง พลโท เฮอร์มัน มันติริ ไปเป็นเอกอัครราชทูตอินโดนีเซียประจำ กรุงแคนเบอร์รา แต่สื่อมวลชนและพวกเอ็นจีโอของออสเตรเลียประท้วงกันน่าดู สุดท้ายอินโดนีเซียต้องไปลากเอาทูตประจำกรุงปารีสที่ชื่อนายวีร์โยโน สาสโตรฮัน โดโย ไปประจำออสเตรเลียแทน มีการทำลายความน่าเชื่อถือของอินโดนีเซีย ในวงการระหว่างประเทศทุกรูปแบบ เพื่อจะได้ไม่กล้าโวยวายในอนาคต


พ.ศ. 2539 บรรณาธิการอาวุโสของหนังสือพิมพ์ระดับแนวหน้าของออสเตรเลียไปเยือน อินโดนีเซีย พวกสื่อออสเตรเลียพยายามถามนำประธานาธิบดีซูฮาร์โต เรื่องจังหวัดติมอร์์ตะวันออก ว่าจะยอมให้เป็นเขตการปกครองพิเศษไหม?


ประธานาธิบดีซูฮาร์โตท่านตอบว่า อ้า ข้าพเจ้าไม่ยอมเด็ดขาด ติมอร์ตะวันออกเป็น 1 ใน 27 จังหวัดของเรา เรื่องอะไรจะให้ไปเป็นเขตปกครองตนเอง


ข่าวนี้ทำให้พวกตะวันตกหงุดหงิดมาก

ลางบอกเหตุอีกอันหนึ่งซึ่งก็คือ พวกตะวันตกเริ่มออกอาวุธรางวัลโนเบลกับอินโดนีเซีย รางวัล โนเบลคืออาวุธของตะวันตก หากพวกตนไม่ชอบรัฐบาลประเทศไหน ก็จะไปสร้างข่าวให้รัฐบาล นั้นเป็นยักษ์เป็นมาร และก็จะพยายามสร้างพระเอกนางเอกของพวกตนขึ้นมา อย่างในกรณีพม่า ตะวันตกชูนางซูจีขึ้นมา และให้รางวัลโนเบลสาขาสันติภาพแก่นางซูจีด้วย

รัฐบาลออสเตรเลียเอานายโฮเซ่ รามอส ฮอร์ตา (คนที่เพิ่งชนะได้เป็นประธานาธิบดี) ไปฟูมฟัก ในดินแดนของตน จากนั้น ก็จัดการให้นายฮอร์ตาได้รับรางวัลโนเบลสาขาสันติภาพร่วมกับ บิชอป คาร์ลอส ฟิลิเป ซิเมเนส เบโล

เมื่อจัดการให้เด็กสร้างของตะวันตกได้รับรางวัลโนเบลแล้ว รัฐมนตรีต่างประเทศของสหภาพ ยุโรปทั้ง 15 ประเทศ (ในสมัยนั้นอียูมีสมาชิกแค่ 15 ประเทศ) ก็ประกาศให้ความช่วยเหลือ จังหวัดติมอร์ตะวันออกโดยตรง โดยไม่ผ่านรัฐบาลอินโดนีเซีย ผู้อ่านท่านลองตรองดูเถิด หากมีกลุ่มชาติมหาอำนาจประกาศให้ความช่วยเหลือ 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้ โดยไม่ผ่านรัฐบาลไทย ท่านทั้งหลายรวมทั้งนิติภูมิก็คงไม่พอใจ ผมเองคนหนึ่งละ ที่จะลุกขึ้นยืนประท้วง หากใครมาทำทุเรศอย่างนี้

ฝ่ายอินโดนีเซียซึ่งเป็นประเทศที่มีมุสลิมมากที่สุดในโลกก็พยายามสู้ โดยการไปขอความช่วยเหลือจากองค์การสันนิบาตมุสลิมโลก ซึ่งในตอนนั้นมีสมาชิก 54 ประเทศ ให้ชาติอิสลามมาช่วยกันยันพวกตะวันตก องค์กรอิสลามมีเท่าใด ประธานาธิบดีซูฮาร์โตไปขอความช่วยเหลือหมด ไม่ว่าจะศาลยุติธรรมระหว่างประเทศของอิสลาม ธนาคารพัฒนาประเทศอิสลาม แต่สมาชิกส่วนใหญ่ขององค์กรอิสลามมักจะอยู่ในทวีปแอฟริกา ไม่ค่อยมีบารมี ตะโกนอะไรออกไป โลกก็ไม่ฟัง

บ้านเมืองใดก็ตาม ยามจะแตก มักจะมีแต่เรื่องเคราะห์หามยามซวยอย่างต่อเนื่อง อินโดนีเซียมีโครงการผลิตก๊าซธรรมชาติในหมู่เกาะนาทูนาในทะเลจีนใต้ ร่วมกับบริษัทเอกซ์ซอน มูลค่า 36,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ

กำลังไปได้สวย จีนก็มาประกาศสิทธิเหนือหมู่เกาะนาทูนา

กับมาเลเซีย อินโดนีเซียก็มีปัญหาการอ้างสิทธิเหนือเกาะลิกิตันและเกาะซิปาดัน มาเลเซียลากเรื่องนี้ไปฟ้องศาลโลก ซึ่งต่อมา มาเลเซียก็ชนะ
  •   นิติภูมิ  นวรัตน์
[16/5/2550]

No comments:

Post a Comment